เตือนแล้วนะ! ไม่ยื่นภาษี เสี่ยงค่าปรับอ่วม! เสียง ‘กรมสรรพากร’ ถึง ‘อินฟลูเอนเซอร์’

อินฟลูเอนเซอร์ไทยที่ทำงานกับแบรนด์เพียง 1 ครั้ง นับรายเล็กถึงใหญ่มีมากถึง 9 ร้านราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 4 หมื่นล้านบาท กรมสรรพากรจึงเตือน! ยื่นแบบภาษีด้วย
ตามที่นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนสายเศรษฐกิจ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงประเด็น “มนุษย์เงินเดือน” ที่ยื่นภาษีอยู่แล้ว ไม่มีข้อน่าห่วงเท่ากับกลุ่มที่ “ไม่ยื่นภาษี” คือมีเงินเดือน แต่ไม่เคยยื่นแบบภาษีเลย โดยเฉพาะ “คนรุ่นใหม่” ที่เพิ่งเริ่มประกอบอาชีพ และทำงานเกี่ยวกับดิจิทัล ทั้ง พ่อค้าแม่ขายสินค้าออนไลน์ การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อินฟลูเอนเซอร์ รับรีวิวสินค้า ฯ
เตือนแล้วหนึ่ง!
ทว่า มีวรรคทอง ที่อธิบดีกล่าวถึงคือ “กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์” ที่ได้ติดตามอยู่พบว่า
“หลายคน พอเอาชื่อจริงมาให้ลูกน้องเปิดดูว่าเขาเหล่านั้นเสียภาษีหรือไม่ เชื่อมั้ยครับอย่าว่าแต่เสียภาษีเลย ยื่นแบบภาษียังไม่ยื่นเลย”
ทั้งนี้ ข้อมูลย้อนไป 3-4 ปีไม่เคยยื่นเลย สรรพากรมีอำนาจย้อนได้ 2 ปี และขยายเวลาตรวจสอบได้เป็น 5 ปี หากตรวจพบว่ามีรายได้เข้าเกณฑ์แล้วไม่เสียภาษีก็จะต้องชำระพร้อมเบี้ยปรับ ซึ่งจากต้องเสีย 10,000 ก็กลายเป็น 50,000 บาท ซึ่งอยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้วก็ไม่อยากให้เกิด เพราะเด็กรุ่นใหม่ทำงานได้เงินเท่าไหร่ก็ใช้หมดซึ่งพอเรียกเก็บไปไม่มีเงินมาจ่ายสักคน
อินฟลูเอนเซอร์ไทยมีถึง 9 ล้านราย
ช่วงกลางปี 2567 สุวิตา จรัญวงศ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทลสกอร์ จำกัด มีการฉายภาพทิศทางอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงครีเอเตอร์ ปี 2567-2568 ที่นับ “จำนวนอินฟลูเอนเซอร์” และครีเอเตอร์ “รายเล็กไปถึงใหญ่” ที่สร้างสรรค์คอนเทนต์ ร่วมงานกับแบรนด์สินค้า “แม้เพียงครั้งเดียว” มีราว 9 ล้านราย(หน่วยงานรัฐประเมินตัวเลข 2-3 ล้านราย) มากเทียบเท่าผู้ถือครองบัตรเครดิตในประเทศไทย และยังเป็นฟันเฟืองเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เปลี่ยนแลนด์สเคปของแวดวงสื่ออีกด้วย
นอกจากนี้ อินฟลูเอนเซอร์ยังมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะสร้างมูลค่าทางการตลาดมากถึง 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น ปี 2564 อินฟลูเอนเซอร์ ครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มยูทูปในฝรั่งเศสทำเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท สหรัฐฯทำเงินกว่า 9 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2566 ครีเอเตอร์ฝรั่งเศสขายคอนเทนต์ให้ติ๊กต็อกทำเงินกว่า 5 หมื่นล้านบาท ส่วนไทยน่าจะอยู่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท เป็นต้น
หลากปัจจัยบวกและแรงกดดันทำให้อินฟลูเอนเซอร์ไทยเบ่งบาน ไม่ว่าจะเป็น การหารายได้แหล่งที่ 2 เพิ่มจากอาชีพ การงานหลัก มองหาอาชีพอิสระ หรือ “รายได้เดือนชนเดือน” จากรายได้ต่ำ หนี้ครัวเรือนสูง ต้องหา Passive Income มาหล่อเลี้ยงตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้จ่าย เสริมความมั่งคั่ง เป็นต้น
รายได้อู้ฟู่! โกยเงิน “แสนบาทต่อโพสต์”
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.)ระบุว่าคนไทยมีอัตราการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตราว 89.5% มีช่องทางโซเชียลมีเดียมากถึง 50 ล้านคน คิดเป็น 71.5% ของประชากรทั้งหมด
ขณะที่แพลตฟอร์มสื่อมีหลากหลาย บางรายมีบัญชี(Account)บนโซเชียลมีเดียไม่ต่ำกว่า 2-3 แพลตฟอร์ม เช่น Facebook X(twitter) Instagram(IG) Youtube Line TikTok ฯ เหล่านี้เป็นช่องทางให้อินฟลูเอนเซอร์ทำคอนเทนต์สื่อสารการตลาด “ป้ายยา” หารายได้ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ การจัดกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ในประเทศไทย และรายได้จากการโพสต์เนื้อหา รีวิว แบ่งได้ 4 กลุ่มดังนี้
-นาโน-อินฟลูเอนเซอร์ (Nano-influencer) ที่มียอดผู้ติดตาม ประมาณ 1,000- 1 หมื่นคน มีเรทรายได้ประมาณ 3,000-5,000 บาท ต่อการโพสต์
-ไมโคร-อินฟลูเอนเซอร์ (Micro-influencer) มีจำนวนผู้ติดตาม 1-5 หมื่นคน มีเรทรายได้ประมาณ 5,000-10,000 บาทต่อโพสต์
-มิดเทียร์-อินฟลูเอนเซอร์ (Mid-tier influencer) มีจำนวนผู้ติดตาม 5 หมื่นคน จนถึง 5 แสนคน มีเรทรายได้ประมาณ 1-3 หมื่นบาทต่อโพสต์
-แม็คโคร-อินฟลูเอนเซอร์ (Macro-influencer) มีผู้ติดตามประมาณ 5 แสนจนถึง 1 ล้านคน มีเรทรายได้ประมาณ 3 หมื่นบาท จนถึง 1 แสนบาทต่อโพสต์
อย่างไรก็ตาม ตลาดอินฟลูเอนเซอร์มีการแข่งขันสูง น้องๆต่างอยากเป็นลูกรักของแบรนด์ นักการตลาด ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงเห็นการ “หั่นค่าตัว” เพื่อให้แบรนด์เลือกร่วมงาน ซึ่ง “สุวิตา” เคยยกตัวอย่างว่า ติ๊กต็อกเกอร์มีผู้ติดตาม 3 แสนราย เคยใช้ราคาเปิดอยู่ที่ 5 หมื่นบาท แต่มีการลดอัตรามาอยู่ที่ 2.5-3 หมื่นบาท ก็พร้อมรับงานทันที!
อินฟลูเอนเซอร์ทำเงินแตะ 3 แสนบาทต่อแคมเปญ
นายธนดล พิทยานุวัฒน์ กรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัทไอเดียแล็บจำกัด (IdeasLabs) ผู้ทำการตลาดด้วยเทคโนโลยีหรือมาร์เทค (MarTech Solution) จับทิศเหล่าคนดังบนโลกออนไลน์ ผู้นำทางความคิด หรือ อินฟลูเอนเซอร์ และ KOLs ปี 2568 ยังส่งสัญญาณเติบโตต่อเนื่อง 25% จากปีก่อน มูลค่าตลาดของบรรดา KOLs - Influencer Marketing มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท รับเทรนด์ตลาดโลกที่ Statista คาดการณ์ปีนี้มูลค่าการตลาดจะมากกว่า 24,000 ล้านดอลลาร์ โดยอินฟลูเอนเซอร์ระดับทั้ง ไมโคร(Micro) และนาโน( Nano Influencers) จะมีบทบาทสำคัญเข้าตาแบรนด์ต่อเนื่อง
เมื่อเทรนด์อินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้ง ทรงอิทธิพล ไอเดียแล็บ มีตัวเลขรายได้สูงสุดของเหล่าคนดังหรือ KOLs ที่ทำแคมเปญเดี่ยว สามารถทำเงินแตะระดับ 3 แสนบาทต่อแคมเปญเลยทีเดียว
KOLs Economy เคลื่อนเศรษฐกิจ ชิงงบโฆษณา
ก่อนหน้านี้ นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ หรือเอ็มไอ กรุ๊ป(MI GROUP) เปิดเผยว่า ผลกระทบของดิจิทัล และเทคโนโลยี รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์(โซเชียล มีเดีย) ที่มีมาต่อเนื่อง 1 ทศวรรษ เป็นปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคชางไทยเปลี่ยน รวมถึงส่งผลต่อการค้าปลีกที่มีอีคอมเมิร์ซเติบโตก้าวกระโดดกว่า 50% ในช่วงปี 2565-2566
นอกจากนี้ เม็ดเงินโฆษณาที่ไหลสู่สื่อออนไลน์มีมากมาย สื่อโซเชียลครองงบก้อนโตเพิ่ม โดยมี อินฟลูเอนเซอร์ และ KOLs แทรกอยู่ ซึ่งหากประเมินมูลค่าคาดการณ์ KOLs Economy ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
สำหรับอินฟลูเอนเซอร์ KOLs เป็นเครื่องมือหลักที่นักการตลาดและสื่อสารการตลาดใช้เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้แบบครบเครื่องหรือ Full Funnel Marketing ตั้งแต่ช่วยสร้างรับรู้(Awareness) ก่อให้เกิดความสนใจ การซื้อ สร้างความประทับใจจนซื้อซ้ำ และเป็นกระบอกเสียงแนะนำ บอกต่อ ขณะที่สื่อบางประเภทส่วนใหญ่ทำได้แค่บางส่วน เช่น Upper Funnel หรือ Lower Funnel เป็นต้น
“มองในมุมโลกโซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์จะช่วยป้ายยาได้ในการขายสินค้า ผู้บริโภครู้สึกเชื่อ ทำให้กลายเป็นช่องทางค้าปลีกใหม่ๆ ที่สะดวกใจจะซื้อ หรือค้าปลีกสะดวกซื้อ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่สินค้า ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย แกดเจ็ตต่างๆ ฯ ที่บางทีสินค้าเหล่านี้ เซลล์นำเสนอข้อมูล บอก ผู้บริโภคไม่เชื่อ แต่อินฟลูเอนเซอร์รีวิว จะเชื่อมากกว่า”