LHMH ทุ่มงบ 1.74 หมื่นล้านผุด 4 โปรเจกต์ โกยรายได้ธุรกิจโรงแรมแตะหมื่นล้านปี 71

สุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LHMH กล่าวว่า บริษัทคาดการณ์รายได้จากกลุ่มธุรกิจโรงแรมในปี 2568 เติบโตไม่น้อยกว่า 15% เทียบกับปี 2567 ซึ่งปิดรายได้ที่ 5,775 ล้านบาท เติบโต 18% เทียบกับรายได้ปี 2566 จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ “โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี” อย่างเป็นทางการวันที่ 1 เม.ย.นี้ นับเป็นโรงแรมแห่งที่ 8 ของ “กลุ่มโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์” (Grande Centre Point) ทำให้มีจำนวนห้องพักเพิ่มเป็นกว่า 3,000 ห้องในปัจจุบัน

สำหรับปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทประสบความสำเร็จ มีผลประกอบการโดยรวมเติบโตเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยโรงแรมในเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ทั้ง 7 แห่งในกรุงเทพฯ และพัทยา มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 85% โดยเฉพาะสาขาที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ซึ่งเป็นไวรัลบนโลกโซเชียลมีเดียนับตั้งแต่เปิดให้บริการ สร้างยอดเข้าพักซ้ำสูงมาก, แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา และ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21

“ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างโรงแรมเข้าพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง จากสาขาแรกที่ราชดำริ สู่เครือโรงแรมหรูในทำเลสำคัญของกรุงเทพฯและพัทยา ปีนี้ถือเป็นปีพิเศษ เพราะเรากำลังก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัวโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี ซึ่งเป็นโรงแรมระดับเพรสทีจ คอลเลกชัน (Prestige Collection) แห่งแรกของแบรนด์ที่สะท้อนถึงความหรูหรา พักสบาย มีฟาซิลิตี้ใหญ่โต และว้าวมาก จึงเตรียมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟตลอดปี 2568 เพื่อมอบประสบการณ์น่าประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าของเรา”

กิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ LHMH เล่าเสริมว่า สำหรับมูลค่าการลงทุน 4 โรงแรมใหม่ของบริษัทซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงปี 2568-2571 คิดเป็นงบลงทุนรวม “17,400 ล้านบาท” แบ่งเป็น 1.โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี สูง 50 ชั้น จำนวนห้องพัก 512 ห้อง ใช้งบลงทุน 4,800 ล้านบาท

2.โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ สูง 45 ชั้น จำนวนห้องพัก 509 ห้อง ใช้งบลงทุน 4,500 ล้านบาท พัฒนาบนทำเลราชดำริ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเพนนินซูล่าพลาซ่าเดิม คาดเปิดปลายปี 2568

อัดแน่นด้วยฟาซิลิตี้อย่างสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้ายาว 50 เมตร สปา ร้านอาหารหลากหลาย ห้องประชุมสำหรับงานจัดเลี้ยงระดับพรีเมียม เมื่อรวมจำนวนห้องพักของโรงแรมนี้กับของโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ จะทำให้บริษัทมีห้องพักรวมมากกว่า 1,000 ห้อง ครองมาร์เก็ตแชร์มากที่สุดในย่านราชประสงค์ มีโปรดักต์ตั้งแต่ระดับอัปเปอร์ อัปสเกล จนถึงระดับลักชัวรี ด้วยราคาห้องพักให้ลูกค้าเลือกตั้งแต่ 5,000-10,000 บาทต่อห้องต่อคืน

3.โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ โวยาจ พัทยา เป็นธีมโฮเทลระดับหรูหรา สูง 33 ชั้น จำนวนห้องพัก 494 ห้อง ใช้งบลงทุน 4,500 ล้านบาท คาดเปิดปลายปี 2569

ต่อยอดความสำเร็จจากโรงแรมที่เปิดก่อนหน้า 2 แห่งในพัทยา โครงการนี้สร้างบนที่ดินกว่า 22 ไร่ มีขนาดใหญ่กว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ซึ่งอยู่บนที่ดิน 13 ไร่ และตั้งติดกัน

“ไฮไลต์คือสวนน้ำขนาดใหญ่ 18,000 ตารางเมตร เน้นดีไซน์ทะลุมิติสุดอลังการ ภายใต้แนวคิด ‘Time Traveler’ เดินทางข้ามมิติเวลาของโลก มีสกายวอล์คเหนือสวนน้ำสูง 12 เมตรเชื่อมระหว่างสไลเดอร์ ทาวเวอร์ และยังมีโซนเทคโนโลยีใหม่ๆ มาสร้างสีสันความตื่นเต้นแก่ผู้เข้าพัก นอกจากนี้ยังมีห้องประชุมสัมมนารองรับคนได้สูงสุด 1,000 คน และร้านอาหารในโรงแรมหลากรูปแบบ”

และ 4.โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ไชน่าทาวน์ กรุงเทพฯ สูง 11 ชั้น จำนวนห้องพัก 351 ห้อง ใช้งบลงทุน 3,600 ล้านบาท คาดเปิดกลางปี 2571

พัฒนาบนที่ดิน 4 ไร่ ย่านเยาวราช ออกแบบโดย Palmer & Turner บริษัทผู้ออกแบบ เดอะ บันด์ (The Bund) ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ถือเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งแรกในย่านเยาวราช มาพร้อมพื้นที่สีเขียวล้อมรอบตัวตึก ร้านค้าระดับพรีเมียม 20 แบรนด์ภายในบรรยากาศสุดคลาสสิก เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่สำหรับนักท่องเที่ยว เสริมให้ย่านเยาวราชมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

“ในปี 2571 จะเป็นปีที่บริษัทมีโรงแรมเปิดครบ 11 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักรวมกว่า 5,000 ห้อง สามารถสร้างรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท”