‘ไฟว์สตาร์’ ดึง ‘โดราเอมอน’ ปั้นแลนด์มาร์กใหม่ไอคอนสยาม

ท่ามกลางความไม่แน่นอน การมีพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจ รวมถึงการมีตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชัดเจน เป็นฐานแฟนที่แข็งแกร่งและสามารถต่อยอดและสร้างโอกาสทางธุรกิจได้หลากหลาย 

พิชชาภา ณรงค์พันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟว์สตาร์ เอเจนซี่ จำกัด กล่าวว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวในไทยมีแนวโน้มชะลอตัวแต่ไม่มีผลกระทบต่อแผนธุรกิจในการทำตลาดภาพยนตร์แอนิเมชัน หรือ อนิเมะ จากญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาดในไทย โดยปี 2568 เตรียมนำเข้า 20 เรื่อง ใกล้เคียงปีก่อน

“4-5 ปีที่ผ่านมา มีแพลตฟอร์มใหม่ๆ ในการรับชมภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามารุกหนักในไทย มีการนำภาพยนตร์แอนิเมชันไปฉาย ดึงลูกค้ากลุ่มนักเรียนไปพอสมควร เพราะกลุ่มนี้ให้ความสนใจเรื่องราคา แต่บริษัทยังมีกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ที่มีอำนาจในการซื้อสูงและสนใจสินค้ารุ่นพิเศษต่างๆ กลุ่มนี้มีการใช้จ่ายต่อครั้ง 1,000-2,000 บาท”

บริษัทยังมีฐานแฟนติดตามผ่านเพจ Japan Anime Movie Thailand กว่า 3.1 แสนคน เป็นฐานแฟนคลับที่มีความแข็งแกร่งในตลาดอนิเมะในไทย

อย่างไรก็ดี บริษัทมองหาโอกาสใหม่ๆ จึงได้ต่อยอดธุรกิจสู่การดูแลพื้นที่จัดงานของ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ชั้น 4 พื้นที่ 1,300 ตร.ม. และไอคอนสยาม ชั้น 6 พื้นที่ 2,000 ตร.ม. โดยดึงนิทรรศการระดับโลกเข้ามาจัดเฉลี่ยแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 3 งานต่อศูนย์การค้า จัดเฉลี่ย 3 เดือนต่องาน เน้นนิทรรศการที่มีความแปลกใหม่ มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

ล่าสุด นิทรรศการ โดราเอมอน 100% DORAEMON & FRIENDS TOUR IN THAILAND ที่เป็นงานแสดงนิทรรศการของโดราเอมอนที่ใหญ่สุดในโลก ที่เข้ามาจัดในไทย ได้แบ่งพื้นที่จัดงานทั้งในโซนของ ริเวอร์พาร์ค ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีการแสดงโดราเอมอนมากกว่า 100 ตัว และในโซนของ แอคแทคชั่น ฮอลล์ ที่นำเสนอนิทรรศการในแต่ละห้อง อยู่ชั้น 6 ของไอคอนสยาม 

ทั้งนี้การดึงนิทรรศการของโดราเอมอนที่ใหญ่สุดในโลกเข้ามาจัดในไทย ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองการครบรอบ 90 ปีของโดราเอมอน ที่มีฐานแฟนๆ คับคั่งในทุกวัยทั้งในไทยและทั่วโลก ซึ่งเป็นการลงทุนของบริษัทสูงสุดนับตั้งแต่ดำเนินการมา จากการจัดนิทรรศการด้วยงบลงทุน 40 ล้านบาท และเป็นค่าลิขสิทธิ์จากการจัดงานสูงกว่า งานอื่นๆ ถึง 5 เท่าตัว และมีระยะเวลาการจัดงานที่สั้นกว่างานทิรรศการอื่นๆ จากเวลาจัดเพียง 53 วันเท่านั้น 

ขณะเดียวกันการจัดงานในครั้งนี้อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ Japan Anime Movie Thailand ภายใต้การดูแลของ บริษัท ไฟว์สตาร์ เอเจนซี่ พร้อมมีพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมทั้ง Trendic International Limited, Incubase Studio Limited และ บริษัท เดกซ์ (ดรีม เอกซ์เพรส) จำกัด ถือเป็นตัวแทนผู้ดูแลลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ญี่ปุ่นในประเทศไทยรายใหญ่สุด อีกทั้งมีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) เข้ามาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในการโปรโมตตามพื้นที่ต่างๆ ของสถานีรถไฟฟ้า โดยพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมลงทุนสนับสนุนคิดเป็นมูลค่า 20 ล้านบาท ส่วนเจ้าของลิขสิทธิ์ในการจัดงานที่เป็น ครีเอฟทีฟ แบรนด์  (Creative brand All Rights Reserved) หรือ เออาร์อาร์ (ARR) จากฮ่องกง และ ฟูจิโกะ โปร (Fujiko Pro) 

อีกทั้งบริษัทพบว่า จากการในหลายเมืองต่างประสบความสำเร็จ ทั้งการจัดงานฮ่องกง ช่วงต้นปี 2568 สร้างยอดผู้เข้าชมสูงถึง 4 แสนคน และในเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่อยู่ระหว่างจัดงานช่วงเดือน เม.ย.นี้ มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1 แสนคน โดยประเมินว่า จากการจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-22 มิ.ย.2568 รวม 53 วันที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม จะดึงดูดคนสนใจเข้ามาชมงานได้กว่า 1 แสนคน และสร้างรายได้ให้แก่บริษัทกว่า 50 ล้านบาท รวมถึงสร้างรายได้จากค่าลิขสิทธิ์สินค้าต่างๆ ที่นำเข้ามาจำหน่ายมากกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยมากกว่า 66 ล้านบาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)  ส่วนอัตราค่าบัตรในการเข้าชม พื้นที่โซนริมน้ำ ค่าตั๋ว 199 บาท ส่วนนิทรรศการ ค่าตั๋ว 599 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก 400 บาท

นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนดึงนิทรรศการอื่นๆ มาจัดต่อเนื่องในไอคอนสยาม และพื้นที่ของ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ต่อเนื่อง รวมถึงการจัดงานในรูปแบบ ป็อปอัพสโตร์ ที่ไม่คิดค่าบัตรในการเข้าชม แต่สร้างรายได้จากสินค้าลิขสิทธิ์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จมาหลายงานทั้ง งานสปายแฟมิลี่ ที่สามารถสร้างรายได้จากสินค้าลิขสิทธิ์มากกว่า 10 ล้านบาทจัดที่เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เป็นต้น 

ทั้งนี้ประเมินว่าจากแผนการตลาดที่วางไว้ และมีงไฮไลต์ทั้ง แอนิเมชัน ดันดาดัน และ ดาบพิฆาตอสูร มูฟวี่ เข้ามาในไทย เชื่อมั่นว่า จะทำให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทในปี 2568 ขยายตัว 50% จากปีก่อน