ปันผลกลุ่มธนาคารหนุนบรรยากาศรวม แกว่งตัว 1,620-1,640 จุด
ไบเดนลงนามในกฎหมายลดเงินเฟ้อ (Inflation reduction Act) หลังจากเรานำเสนอรายละเอียดไปในสัปดาห์ก่อนหลังกฎหมายผ่านวุฒิสมาชิก ล่าสุดกฎหมายผ่านสภาผู้แทน และการลงนามของประธานาธิบดีตามลำดับ
แม้ชื่อว่ากฎหมายลดเงินเฟ้อ แต่ร่างแรกมาจากกฎหมายสนับสนุนการลงทุน (Build Back Batter Act) ขณะที่สาระสำคัญ คือปฏิรูประบบภาษี (อาทิ กำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำของธุรกิจที่มีกำไรมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ฯ) เพื่อนำเงินมาสนับสนุนการลงทุนพลังงานสะอาด, การสู้กับปัญหาโลกร้อน, มาตรการช่วยดูแลค่าครองชีพประชาชน เรามองว่า 1) กฎหมายดังกล่าวอาจไม่ได้ช่วยลดเงินเฟ้อตามชื่อ 2) เป็นบวกต่อเทรนด์การลงทุนพลังงานสะอาด 3) อาจเป็นลบทางจิตวิทยาต่อบริษัทขนาดใหญ่ เมื่อกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้
ภาพรวมการลงทุนยังเดินไปในทิศทางมองเงินเฟ้อชะลอตัวลง จากหลายปัจจัย ทั้ง 1) การดำเนินนโยบายตึงตัวของเฟด 2) ราคาพลังงานที่ลดลง (จากการชะลอของเศรษฐกิจโลกและจีน) 3) ปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เริ่มคลี่คลาย 4) การเมืองสหรัฐฯ ที่จะมีเลือกตั้งปีนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเกิดข้อขัดข้องทางการเมือง (Gridlock – คือการที่ไม่มีพรรคใดได้คะแนนเสียงเด็ดขาดทั้ง 2 สภา หรือทั้งสองสภา มาจากคนละพรรคกับประธานาธิปดี ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวมักดีกับการชะลอเงินเฟ้อ) ดังนั้นหากไม่ได้มีความเสี่ยงใหม่เข้ามา ตลาดจะยังมุมมองเงินเฟ้อชะลอ ซึ่งดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง
การรปรับลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจไม่น่ากังวลอย่างที่ตลาดคาด เดือน ก.ย.ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับเพิ่มระดับของการปรับลดงบดุลเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จาก ส.ค. (ขึ้นเป็น 9.5 หมื่นล้าน จาก 4.75 หมื่นล้านเหรียญฯ) แต่การดำเนินงานจริงอาจต่ำกว่านั้น เนื่องจากเฟดกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตราสารกู้ยืมเกี่ยวกับการจำนอง (MBS) ทำให้ด้วยข้อจำกัดของสภาวะตลาด เฟดอาจไม่สามารถปรับลดงบดุลได้ตามแผนการ และเลือกใช้การถือครองตราสารดังกล่าวไปเรื่อยๆ ซึ่งแปลว่าแรงกดดันที่มีต่อตลาด อาจไม่มากอย่างที่นักลงทุนกังวล
ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN 5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CPALL, SCGP, TOP, RATCH, CRC, CPF, RS, SC, TH, TLI, BAM
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวโดยมีบรรยากาศเก็งกำไรเชิงบวก จากการประกาศปันผลของหุ้นหลายตัวโดยเฉพาะกลุ่มธนาคารในช่วงปลายส.ค. แนวรับ 1,610 โดยมีกรอบบน 1,630-1,650 จุด ภาพใหญ่เน้นเลือกซื้อ กลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก) สำหรับ DR หุ้นจีน ทยอยสะสม //หุ้นแนะนำ: TLI*, CPF*, BANPU*, BBL*
แนวรับ: 1,610-1,620 / แนวต้าน : 1,640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านต่ำกว่าคาด – ดิ่งลง 9.6% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 1.446 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.540 ล้านยูนิต จากระดับ 1.599 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.
หุ้นค้าปลีกสหรัฐฯขนาดใหญ่เผยผลประกอบการในไตรมาส 2
วอลมาร์ท (WMT) – บริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาด (EPS 1.77 ดอลลาร์/หุ้น vs Consensus 1.62 ดอลลาร์/หุ้น) (รายได้ 1.5286 แสนล้านดอลลาร์ vs Consensus 1.5081 แสนล้านดอลลาร์)
โฮม ดีโปท์ (HD) - บริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาด (EPS 5.05 ดอลลาร์/หุ้น vs Consensus 4.94 ดอลลาร์/หุ้น) (รายได้ 4.379 หมื่นล้านดอลลาร์ vs คาด 4.336 หมื่นล้านดอลลาร์)
ศาลเมียนมาตัดสินจำคุก "ออง ซาน ซูจี" 6 ปีในข้อหาคอร์รัปชัน – ด้านนางซูจีระบุว่า เธอถูกใส่ร้าย และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ธปท. เผย Q2/65 สินเชื่อแบงก์พาณิชย์โต 6.3% yoy และ +6.9% qoq - โดยสินเชื่อธุรกิจ +8.0% yoy สินเชื่ออุปโภคบริโภค +3.0% ขณะที่ NPL ของระบบธนาคารลดลงมาอยู่ที่ 527.9 พันลบ. คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 2.88%
ครม.ไฟเขียวกองทุนน้ำมันฯ กู้เงิน – ก.คลังค้ำประกันหนี้วงเงินไม่เกิน 1.5 แสนลบ. โดยขั้นตอนหลังจากผ่านครม.ไปแล้ว จะส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแล้วจึงมีผลบังคับใช้ได้
Opportunity day – 17 ส.ค. – TPBI, NRF, SFT, TRV, ASIAN, PR9, FSMART, BGC, TKN, CPN+GLAND, GC, CPNREIT+CPNCG, BEM, SKN / 18 ส.ค. – CENTEL, PSH, NVD, JUBILE, ASP, WICE, PTL, BRI, SABINA, TK, AS, MINT, SICT, BAM / 19 ส.ค. – TVO, PTTGC, ORI, NOBLE, TIPH, JWD, GGC, RBF, KCC, TM, UKEM, SONIC, UAC, WHAIR
ประเด็นติดตาม: 17 ส.ค. – US Retail Sales / 18 ส.ค. – EU CPI, US Existing Home Sales / 23 ส.ค. – US New Home Sales / 24 ส.ค. - US Pending Home Sales / 25 ส.ค. – US GDP
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)