JUBILE ปรับเพิ่มประมาณการปี 65 เนื่องจากครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง
รายงานกำไร 2Q65 ที่ 76.2 ลบ. -12%QoQ แต่เติบโต 187%YoY : บริษัทมีรายได้ 439 ลบ. ลดลง 2%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 62%YoY เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดตามหัวเมืองใหญ่
อาทิ ขอนแก่น ระยอง ฯลฯ และได้จัดงานฉลองครบรอบ 93 ปี และ Midyear Grand Sale ด้านอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนสู่ 50.8% เนื่องจากการควบคุมต้นทุนและปรับ Product mix ที่มีประสิทธิภาพ ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวขึ้น 15%QoQ สู่ 127 ลบ. เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 6M65 ที่ 163.2 ลบ. เติบโต 86%YoY และคิดเป็น 58%ของประมาณการเดิม
- ปรับประมาณการปี 65 เพิ่มขึ้น 13% จากประมาณการเดิมและเติบโต 40%YoY เนื่องจากบริษัทจัดกิจกรรมทางการตลาดต่อเนื่องใน 2H65 : ฝ่ายวิจัยคงประมาณการรายได้ปี 65 ที่ 1.81 พันลบ. เติบโต 18%YoY เนื่องจากประชาชนได้รับวัคซีน COVID-19 แล้วกว่า 80% ทำให้โอกาสในการล็อกดาวน์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวดในการรับนักท่องเที่ยวต่อเนื่องช่วยหนุนให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว พร้อมกันนี้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นในปี 65 จาก 47.5% สู่ 48.0% เพิ่มขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้น 6M65 ที่ 50.3% เนื่องจากการจัด Event ในครึ่งปีหลังจะกดดันอัตรากำไรขั้นต้น นอกจากนี้เงินบาทที่อ่อนค่าและต้นทุนเพชรที่ปรับตัวขึ้นตามเงินเฟ้อเป็นปัจจัยกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเติม ทั้งนี้ เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 65 ที่ 314 ลบ. เพิ่มขึ้น 13% จากประมาณการเดิมและเติบโต 40%YoY
- ปรับลดคำแนะนำเหลือ “ถือ” แต่ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 31.30 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ระดับ 17.3 เท่า และประเมินกำไรต่อหุ้นใหม่ปี 65 ที่ 1.81 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 31.30 บาทเพิ่มขึ้นจากราคาเหมาะสมเดิมที่ 27.70 บาทซึ่งราคาเหมาะสมใหม่ที่ประเมินได้ใกล้เคียงราคาปิดล่าสุดจึงปรับลดคำแนะนำเหลือ “ถือ” โดยคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 2.5%ต่อปี (บริษัทปรับลด Payout ratio จาก 60% เหลือ 40% ตั้งแต่ปี 63 เพื่อสำรองสภาพคล่องในภาวะ COVID-19)
ความเสี่ยง : การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง
: เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องกดดันต้นทุนการผลิต