Sideways ซื้อเก็งกำไร BH AS IVL (19 ส.ค. 2565)

Sideways ซื้อเก็งกำไร BH AS IVL (19 ส.ค. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1,650 / 1,660 จุด แนวรับ 1,630 / 1,617 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BH AS IVL ทางเทคนิค ดัชนีฯ มีโอกาสปรับฐานระยะสั้น หลัง RSI อยู่เหนือ 70 เข้าสู่เขต Overbought โดยมีแนวรับบริเวณ 1,630 จุด เป็นแนวรับสำคัญฯ

หากไม่หลุดบริเวณดังกล่าว ดัชนีฯ จะยังคงรักษาทิศทางขาขึ้น เพื่อเดินหน้าทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,650 จุด โมเมนตัมลบ คือ ตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามา ผลักดันให้ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ไฮไลท์วันนี้ คือ ยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. ของ UK และสุนทรพจน์ของนาย Thomas Barkin ประธานเฟด สาขา Richmond

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC TCAP JMT CENTEL BH AOT PTG KKP CPN MINT KTB BDMS พอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ DOD KSL RS SYNEX TWPC SAT TMT PORT TK

+ Daily Recommendations: BH (รับผลบวกจากแนวโน้มผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น) AS (เตรียมเปิดตัวเกมใหม่ 7 เกม ใน 2H22 หนุนรายได้เติบโต +15% YoY และ Synergy จากการเข้าถือหุ้นของ SABUY) IVL (บริษัทฯ คาดรายได้ 2H22E ยังคงเปิดโต +5% HoH)

+ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ: CENTEL ERW MINT BA AAV CPN + หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของ Bond Yield: KBANK TTB SCB BBL

+ หุ้นกลุ่ม Anti-Oil ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันที่ลดลง: TASCO PTTGC SCC

 

ปัจจัยบวก

+ Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยติดต่อกันเป็นวันที่ 9 +6,141.06 ล้านบาท ทำให้มียอดซื้อสะสมเดือน ส.ค. + 41,177.63 ล้านบาท และสะสมปี 2022 +158,528.42 ล้านบาท ส่วนตลาดอนุพันธ์ เปิดสถานะ Long สุทธิ ใน SET50 Index futures เพิ่มขึ้นอีก +3,179 สัญญา (สะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. ถึงปัจจุบัน สูงถึง 210,080 สัญญา)

 

ปัจจัยลบ

- USA: กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง -2,000 ราย สู่ระดับ 2.50 แสนราย (Vs คาด 2.65 แสนราย) สะท้อนภาคแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสที่เฟดอาจเร่งเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds Rate

 

 

ประเด็นสำคัญ

- Opportunity Day: TVO PTTGC ORI NOBLE TIPH JWD GGC RBF KCC TM UKEM SONIC UAC และ WHAIR

- Germany: PPI เดือน ก.ค. คาดที่ 32.0% YoY และ 0.6% MoM (Vs เดือน มิ.ย. 32.7 YoY และ 0.6% MoM)

- UK: ยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. คาด -3.3% YoY และ -0.2% MoM (Vs เดือน มิ.ย. -5.8% YoY และ -0.1% MoM)

- USA: สุนทรพจน์ของนาย Thomas Barkin ประธานเฟด สาขา Richmond (ไม่มีสิทธิโหวต)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดลบ: ดัชนีฯ เผชิญแรงขายตั้งแต่เปิดตลาด ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,630.99 จุด ก่อนแกว่งตัวปรับขึ้นมาปิดตลาดที่ 1,636.07 จุด -3.65 จุด วอลุ่มซื้อขาย 7.6 หมื่นล้านบาท นำลบโดยกลุ่มการแพทย์ -1.66% กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.39% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม -0.67% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค -0.41% หุ้นบวก >4% TH SUTHA TC MVP PRINC DITTO MONO AFC THANA AH SAPPE FPI BBIK L&E หุ้นลบ >4% KWI TSR NSI BIOTEC EFORL INSURE BGT TKT

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก: DJIA +0.06% S&P +0.23% NASDAQ +0.21% หลังจากบริษัทซิสโก ซิสเต็มส์ เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น (AMD +2.21%, GOOGLE +0.52%, INTEL +1.17% และ IBM +0.93%) นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ รวมถึง Philadelphia Fed Manufacturing Index เดือน ส.ค. ที่ขยายตัวสูงกว่าคาด (6.2 Vs คำด -5.0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก CAC40 +0.45% DAX +0.52% FTSE +0.35% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมัน แต่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ เนื่องจากถูกกดดันจากเงินเฟ้อของยูโรโซนเดือน ก.ค. ที่แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และคณะกรรมการ ECB ระบุถึงการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างมากอีกครั้งในเดือน ก.ย.

 

+/- น้ำมันดิบปิดบวก ส่วนทองคำปิดลบ: WTI +USD2.39 ปิดที่ USD90.50/บาร์เรล Brent +USD2.94 ปิดที่ USD96.59/บำร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบโลกฟื้นตัวเป็นที่ 2 หลังจาก EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบลดลง -7.1 ล้านบาร์เรล (ต่ำกว่าคาด -2.75 แสนบาร์เรล) ขณะที่ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีขึ้น โดยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง -2,000 ราย สู่ระดับ 2.50 แสนราย (Vs คำด 2.65 แสนราย) ส่วนตลาดทองคำ -USD5.50 ปิดที่ USD1,771.20/ออนซ์ ปิดลบ 4 วันติดต่อกัน หลังดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น

 

ประเด็นสำคัญ

- China: โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์ GDP จีน ในปี 2022 ลงสู่ระดับ 3% จาก 3.3% ขณะที่โนมูระปรับลดคาดการณ์ GDP จีน ในปี 2022 ลงเหลือ 2.8% จากระดับ 3.3% เนื่องจากวิกฤติอุปทานพลังงาน รวมทั้งอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง และผลกระทบจากการใช้นโยบาย COVID-19 เป็นศูนย์ ได้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน

- EU: สำนักงานสถิติยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งขึ้นแตะ 8.9% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยสอดคล้องกับการคาดการณ์ หลังปรับตัวขึ้นสู่ 8.6% ในเดือน มิ.ย. ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับตัวขึ้น 4.0% สอดคล้องกับการคาดการณ์เช่นเดียวกัน ขณะที่เงินเฟ้อรายปีของสหภาพยุโรป (EU) ปรับตัวสู่ 9.8% ในเดือน ก.ค. หลังอยู่ที่ 9.6% ในเดือน มิ.ย.

- USA: นางแมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก (ไม่มีสิทธิโหวต) กล่าวว่า การที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือน ก.ย. ล้วนมีความเหมาะสม เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่เหนือระดับ 3% ภายในปลายปีนี้ และสูงขึ้นอีกเล็กน้อยในปี 2023 นอกจากนี้ยังกล่าวว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับดังกล่าว และกำลังชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เฟดก็ควรจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป และไม่ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว

+ USA: เฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ +6.2 ในเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -5.0 จากระดับ -12.3 ในเดือน ก.ค.

+ Thailand: เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่า การประชุมศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค. ชุดใหญ่) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันนี้ (19 ส.ค.) จะมีการพิจารณาข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่จะกำหนดกรอบแนวทาง COVID-19 เป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2022

แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: ERW AOT CPN

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BH AS IVL

Derivatives: แนะถือ Long S50U22 รอทำกำไรตามเป้า