กังวลเศรษฐกิจถดถอย (วันที่ 23 สิงหาคม 2565)
วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลง ราว -12 จุด ดัชนีอ่อนตัวลงหลังจากที่ขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลง จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย
โดยหุ้น Big Cap. ที่ปรับตัวลงกดดันตลาด เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ การเงิน และธนาคาร ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,615.82 จุด -10.10 จุด -0.62% มูลค่าการซื้อขาย 57,090 ลบ. ต่างชาติ +1,643.59 ลบ. TFEX -10,328 สัญญา ตราสารหนี้ -237.95 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ "กบง." เคาะมาตรการลดผลกระทบขึ้นค่าเอฟทีงวดใหม่เดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ ให้ส่วนลดค่าไฟ 4 เดือน กับ 2 กลุ่มเปราะบาง โดยคงค่าไฟเท่างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. สำหรับผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน และให้ส่วนลด 15-75% สำหรับกลุ่มใช้ไฟ 301-500 หน่วยต่อเดือน เตรียมของบกลาง 8 พันล้านบาท ดูแลก่อนชงครม.เห็นชอบเดือน ส.ค.นี้
+ ทอท.ลุ้นจีนผ่อนคลายเดินทาง-สถานการณ์โลกปกติ คาดปี 66 มีผู้โดยสารกว่า 94 ล้านคน เร่งเตรียมความพร้อมเปิด SAT-1 รับผู้โดยสาร 140 ล้านคน พร้อมลุยธุรกิจการบินดิจิทัล
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. 1,488 ราย มีผู้เสียชีวิต 26 ราย รักษาหาย 2,394 ราย
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ร่วงลง 643.13 จุด หรือ -1.91% โดยหุ้นทุกกลุ่มในตลาดดิ่งลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเฟด จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 54 เซนต์ -0.6% ปิดที่ 90.23 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลผลกระทบที่เกิดจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ เฟด อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณพร้อมปรับลดกำลังการผลิตเพื่อรับมือกับความท้าทายในตลาด
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กและไฉซินรายงานว่า มณฑล เสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ได้ขยายเวลาตัดไฟโรงงานบางแห่งเป็น 25 ส.ค. จากเดิมที่มีผลถึงวันที่ 20 ส.ค. เนื่องจากมณฑลเสฉวนกำลังเผชิญกับอากาศร้อนจัดและฝนตกไม่มากพอ และยังมีประชาชนใช้แอร์เป็นจำนวนมาก จนทำให้ขาดแคลนพลังงาน
- ราคาก๊าซธรรมชาติ (LNG) ของเอเชียปรับตัวขึ้นเพิ่มเติม หลังมีความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นว่า การที่รัสเซียประกาศซ่อมบำรุงท่อขนส่งก๊าซไปยังยุโรปนั้น จะทำให้อุปทานโลกตึงตัวมากยิ่งขึ้น
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงต่อ โดยนักลงทุนกังวลว่าเฟด จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ประกอบกับยังจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังติดตามปัจจัยการเมืองเป็นหลัก มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,600-1,620 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% + หุ้นแบงก์ได้ประโยชน์จากธปท.เลิกเพดานจ่ายปันผลและทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นเราชอบแบงก์ใหญ่ KBANK BBL SCB KTB TISCO
• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• โครงการคนละครึ่งเฟส 5 : TNP KK BJC MAKRO CBG OSP TKN ICHI SAPPE
• MSCI Global Standard เพิ่มหุ้นเข้าคำนวณ มีผล 31 ส.ค. : KBANK
• ผลประกอบการหุ้นกลุ่มโรงแรมเริ่มฟื้นตัว+ขยายวีซ่านักท่องเที่ยว : MINT ERW CENTEL AWC SHR
• วิกฤตพลังงานยุโรป : PRM VL BANPU LANNA
หุ้นรายงานพิเศษ
CK (Bloomberg Consensus 24.50 บาท)
รายงานกำไรดีกว่าคาด 7.3%
•รายงานกำไร 2Q65 ที่ 300 ลบ. –6%YoY แต่เติบโต 147%QoQ โดยรายได้เติบโต 9%YoY แต่ลดลง 51%QoQ สู่ 3.44 พันลบ. เนื่องจาก 1Q65 มีการรับรู้รายได้ล่วงหน้าจากโครงการหลวงพระบาง 3.5 พันลบ.(ซึ่งเป็น one time item) ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวลงจาก 8.4% ใน 1Q65 สู่ 7.0% เนื่องจากต้นทุนวัสดุปรับตัวสูงขึ้นและงานส่วนใหญ่เป็นช่วงต้นโครงการทำให้รับรู้รายได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
•บริษัทมี Backlog ณ มิ.ย.65 ที่ 5.97 หมื่นลบ. ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2565-2570 และอยู่ระหว่างเซ็นสัญญางานก่อสร้างคลองระบายน้ำบางบาล-บางไทรมูลค่า 3.2 พันลบ. (ชนะประมูลตั้งแต่ 1Q65) หนุนให้ Backlog ทะลุ 6 หมื่นลบ. และคาดว่าภายในปลายปีนี้จะเซ็นสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระ-บางมูลค่าราว 8.5 หมื่นลบ.เข้ามาหนุน Backlog ให้เติบโตมากกว่า 1 แสนลบ.
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 2H65 เนื่องจากคาดว่า GPM ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและรายได้จะค่อย ๆ ปรับตัวขึ้น โดยจะกลับมาเติบโตในปี 66 ซึ่งเป็นช่วงกลางของงานก่อสร้าง นอกจากนี้ยังเตรียมเข้าร่วมประมูลรถไฟรางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย จิระ-อุบลราชธานี และปากน้าโพ-เด่นชัยมูลค่าราว 1.27 แสนลบ.เพื่อเติม Backlog เพิ่มเติม เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) BJC ( Bloomberg Consensus 40.50 บาท) จับตายอดขายสาขาเดิมพุ่ง จากการบริโภคฟื้นตัว เห็นได้จากการจับจ่ายใช้สอยในสาขาของบิ๊กซี ขณะที่สินค้าบรรจุภัณฑ์มีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง เดินหน้าขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ ด้วยงบลงทุนกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PLUS ( Bloomber Consensus 7.00 บาท) เปิดกลยุทธ์ดันผลงานครึ่งปีหลัง 2565 เน้นตลาดเป้าหมายหลักสหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียที่ยังหนุนยอดขาย อีกทั้งขยายตลาดยุโรป จากดีมานด์ความต้องการสินค้าน้ำมะพร้าว พร้อมสินค้าใหม่ที่สร้างมูลค่าและมาร์จิ้น เล็งสิ้นปี 2565 รายได้แตะระดับ 1,500 ล้านบาท หรือเติบโต 50% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SYNEX (Bloomberg consensus 25.00 บาท) ลุยตลาดไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ปิดดีลเข้าลงทุนในบริษัทไซเบอร์ตรอน ศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามด้านความมั่นคงทางระบบออนไลน์ เจาะกลุ่มลูกค้า คอมเมอร์เชียล ลุยโปรเจ็กต์ภาครัฐและเอกชน โดยแผนการเข้าลงทุนครั้งนี้ ซินเน็ค อินคิวท์เบชั่น (บริษัทย่อย) จะเข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 25% คิดเป็นมูลค่า 55 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AGE (Bloomberg consensus - บาท) คาดผลงานไตรมาส 3/2565 โดดเด่น หลังมองราคาถ่านหินยังมีอัพไซด์ จากสงครามรัสเซียยืดเยื้อ ดีมานด์จีน-อินเดียทะยาน ด้านโลจิสติกส์ยังเติบโตดี ลุยขยายการให้บริการใหม่ขนส่งแร่-น้ำตาลดิบ พร้อมปูพรมบุ๊กรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งมันสำปะหลังเข้าไตรมาส 3/2565 มั่นใจรายได้สิ้นปี 2565 แตะ 1.8 หมื่นล้านบาทตามเป้า (ที่มา ทันหุ้น)