ลงตามตลาดโลก (วันที่ 29 สิงหาคม 2565)
วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกสลับลบ แกว่งตัวรอการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล เพื่อรอดูทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและติดตามการรายงาน
และตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค. ของสหรัฐ โดยหุ้นกลุ่มพลังงาน และ อิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวนำตลาด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,644.78 จุด +1.26 จุด +0.08% มูลค่าการซื้อขาย 68,733 ลบ. ต่างชาติ -666.54 ลบ. TFEX +345 สัญญา ตราสารหนี้ +3,948.77 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 93.06 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.9% ในรอบสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณว่า กลุ่มประเทศผู้โอเปค อาจจะปรับลดการผลิตน้ำมัน ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน และนักลงทุนปรับตัวรับคำเตือนของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เกี่ยวกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.8% และชะลอตัวจากระดับ 4.8% ในเดือนมิ.ย.
+ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.2 ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 55.1 จากระดับ 51.5 ในเดือนก.ค.
+ สศช.เผยอัตราการว่างงานใน 2Q65 ลดลงต่ำที่สุดตั้งแต่โควิด-19 ระบาด โดยมีผู้ว่างงาน 550,000 คน คิดเป็น 1.37% ขณะที่ชั่วโมงการทำงานปรับตัวดีขึ้นใกล้เคียงช่วงปกติ
+/- ศบค.รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) เพิ่มอีก 1,273 ราย เสียชีวิต 26 คน หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 2,198 ราย
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 1,008.38 จุด หรือ -3.03% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 4.2% ตลาดถูกกดดันหลังนายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นจะต้องมีการคุมเข้มนโยบายไประยะหนึ่งก่อนที่จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ซึ่งจะส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอลง, ตลาดแรงงานอ่อนแอลง และส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
- นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อสหรัฐมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ และระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่สูงพอที่จะควบคุมแรงกดดันเงินเฟ้อ
- เรือรบของสหรัฐ 2 ลำได้แล่นผ่านช่องแคบระหว่างจีนและไต้หวัน ซึ่งการแล่นเรือผ่านบริเวณดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เดินทางเยือนไต้หวันเมื่อช่วงต้นเดือน สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะก่อให้เกิดความขุ่นเคืองกับจีน ซึ่งอ้างว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ
- รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือน ก.ค.65 ขาดดุลการค้า 3,660 ล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็นเงินบาท 139,911.1 ล้านบาท ส่วนช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปี 65 ขาดดุลการค้า 9,916.3 ล้านดอลลาร์ฯ หรือขาดดุล 417,939.1 ล้านล้านบาท สาเหตุที่ขาดดุลมาจากการนำเข้าสินค้าที่มีราคาสูงตามการสูงขึ้นของตลาดโลก เช่น น้ำมัน และทองคำ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงแรงตามทิศทางตลาดโลก โดยตลาดถูกกดดันหลังนายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นจะต้องมีการคุมเข้มนโยบายไประยะหนึ่งก่อนที่จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ซึ่งจะส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอลง มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,620-1,650 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• โครงการคนละครึ่งเฟส 5 : TNP KK BJC MAKRO CBG OSP TKN ICHI SAPPE
• MSCI Global Standard เพิ่มหุ้นเข้าคำนวณ มีผล 31 ส.ค. : KBANK
• ผลประกอบการหุ้นกลุ่มโรงแรมเริ่มฟื้นตัว+ขยายวีซ่านักท่องเที่ยว : MINT ERW CENTEL AWC SHR
• วิกฤตพลังงานยุโรป : PRM VL BANPU LANNA PTTEP
• แอปเปิล ประกาศจัดอีเวนต์ 7 ก.ย.เปิดตัว iPhone 14 : CPW SPVI COM7 SYNEX JMART
หุ้นรายงานพิเศษ
STARK “มุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 65
และการเข้าลงทุนใน LEONI” Bloomberg Consensus 6.50 บาท
•งวด 2Q65 กำไร 691 ลบ. +32%YoY +21%QoQ รายได้เท่ากับ 7,332 ลบ. +40%YoY +19%QoQ เติบโตขึ้นจากทยอยส่งมอบงานโครงการภาครัฐและเอกชนตามแผนงาน ประกอบกับได้ผลบวกจากการปรับเพิ่มราคาขายสินค้าสะท้อนราคาทองแดง และอลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้น ส่วน %EBITDA = 20.9% (2Q64 = 14.4%, 1Q65 = 19.1%) ปรับดีขึ้นจากการมุ่งเน้นสินค้ากลุ่ม High Margin
•ผู้บริหารคงเป้ารายได้ปีนี้ราว 3 หมื่นลบ. +11%YoY เติบโตจากธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิล โดย ณ สิ้นงวด 2Q65 มี Backlog กว่า 1.4 หมื่นลบ. (สัดส่วนหลักกว่า 55% อยู่ในกลุ่มสินค้า High Margin) ทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และยังมีอีกหลายงานที่อยู่ในระหว่างการประมูลเพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ
•การเข้าลงทุนในกิจการ LEONI จะทำให้บริษัทก้าวเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านการผลิตสายไฟและสายเคเบิลใน ASEAN และผู้ผลิตสายเคเบิลสำหรับยานยนต์และ EV charging อันดับ 1 ของโลก มีโอกาสเติบโตขึ้นอีกจากการ Synergy อาทิ การขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์ ขอบเขตการขายในภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงการแชร์และบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นซึ่งจะมีการจัดประชุมในวันที่ 23 ก.ย.นี้
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 65 โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปีนี้ราว 3,572 ลบ. +28%YoY (1H65 กำไร 1,270 ลบ. คิดเป็น 35% ของประมาณการทั้งปี) นอกจากนี้ การเข้าลงทุนใน LEONI จะช่วยต่อยอด New-S-Curve การเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต
หุ้นมีข่าว
(+) EA ( Bloomberg Consensus 96.00 บาท) ครึ่งปีหลังผลงานสดใสธุรกิจอีวีทำเงิน ปีนี้มั่นใจส่งมอบ e-Bus ไม่ต่ำกว่า 1,000-1,500 คัน เล็งเปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้า-รถกระบะไฟฟ้า ไตรมาส 4/2565 เดินแผน EA Ecosystem เน้นรถเชิงพาณิชย์ ขยายโรงงานแบตเตอรีปีนี้เป็น 2 GW มองโอกาสเทรดคาร์บอนเครดิต คงเป้ารายได้ปีนี้โต 20% ครึ่งปีหลังแรงว่าครึ่งแรก (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SYNEX ( Bloomber Consensus 25.00 บาท) รับทรัพย์ธุรกิจไอทีเข้าไฮซีซัน ดันงบครึ่งปีหลังพีค แถมยิ้มรับกระแสดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม ดันยอดขายพุ่งทะยาน มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10% ตามเป้า แถมแตกไลน์ร่วมทุนไซเบอร์ซีเคียวริตี้ต่อยอด เล็งขยายธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติม (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CPALL (Bloomberg consensus 73.00 บาท) มั่นใจยอดขายต่อสาขาเติบโตต่อเนื่อง หนุนผลงานครึ่งปีหลังเด่น หลังโควิดคลี่คลายส่งผลให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ ขณะที่นักท่องเที่ยวฟื้น เดินหน้าขยาย 700 สาขาต่อปี ในและต่างประเทศ ชูเดลิเวอรีโตเฉลี่ย 10% ต่อสาขา ย้ำสภาพคล่องสูง เล็งศึกษาเข้าซื้อกิจการต่อยอด (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PIMO (Bloomberg consensus - บาท) ส่งซิกเล็งผลิตมอเตอร์ EV รถบัส-รถบรรทุก แย้มเจรจาต่างชาติ ด้านบิ๊กบอส "วสันต์ อิทธิโรจนกุล" ลั่นออเดอร์ทะลัก ยอดชน 1.2 แสนลูกต่อเดือน จ่ออัพกำลังผลิต 30% วางงบลงทุนรวม 25 ล้านบาท ปักหมุดยอดขาย 1.2 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)