วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (29 ส.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่ม หลังกลุ่มโอเปคส่งสัญญาณปรับลดกำลังการผลิตลง
+ ราคาน้ำมันดิบ เวสต์เทกซัสและเบรนท์ ปรับเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากซาอุดิอาระเบียที่ออกมาส่งสัญญาณว่ากลุ่มโอเปคพร้อมที่จะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงเพื่อพยุงราคาน้ำมัน โดยทางกลุ่มอาจจะไม่ได้มีการปรับลดกำลังการผลิตในทันที แต่จะดำเนินการให้สอดคล้องกับปริมาณการส่งออกของอิหร่านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยแนวคิดดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกหลายประเทศของกลุ่มโอเปคและพันธมิตร
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีแนวโน้มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งคาดจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยตลาดคาดเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ราว 0.75% ในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย. นี้ ขณะที่ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดจะมีการหารือในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ราว 0.75% เช่นกันในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งมากกว่าครั้งก่อนหน้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% เพื่อชะลอผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงสุดอย่างรวดเร็ว
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตยังคงปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบ โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 3 แท่น มาอยู่ที่ราว 765 แท่น ขณะที่ปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4 แท่นมาอยู่ที่ราว 605 แท่น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ในภูมิภาค โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ราว 17.4 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากตลาดยุโรปที่เริ่มชะลอตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ที่ราว 7.2 ล้านบาร์เรล