“คลัง” รับการค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมัน 1.5 แสนล้านบาท เป็นภาระการคลัง
“คลัง” พร้อมค้ำเงินกู้กองทุนน้ำมัน 1.5 แสนล้านบาท ย้ำต้องชำระคืนใน 7 ปี ระบุ ถือเป็นภาระทางการคลัง เพราะเป็นการค้ำประกันเงินกู้ และนับเป็นหนี้สาธารณะของประเทศ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติร่างกฎหมายให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันเงินกู้ของกองทุนน้ำมันในวงเงินไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท โดยต้องชำระคืนภายใน 7 ปี
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่า กองทุนน้ำมันจะต้องกู้เต็มวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท เพราะตัวกองทุนจะต้องบริหารรายรับ และรายจ่ายของตนเองด้วย และเมื่อมีการกู้ การชำระหนี้ก็เป็นเรื่องของกองทุนที่จะต้องเป็นผู้ชำระ ดังนั้น การที่คลังเข้าไปค้ำประกันการกู้เงินดังกล่าว จึงจะเป็นภาระทางการคลังในระยะหนึ่ง
เขากล่าวอีกว่า ข้อเสนอที่ให้คลังเข้าไปค้ำประกันเงินกู้ของกองทุนนั้น เป็นข้อเสนอจากกระทรวงพลังงาน เนื่องจาก ที่ผ่านมา ตัวกองทุนไม่สามารถขอกู้จากธนาคารได้ เพราะสถาบันการเงินมองว่า กองทุนมีความเสี่ยงในเรื่องการชำระหนี้ ขณะที่ กระทรวงการคลัง ไม่สามารถค้ำประกันหน่วยงานของรัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องออกเป็นกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม การที่กระทรวงการคลัง จะค้ำหรือไม่ค้ำให้กองทุน หากกองทุนไปกู้มา หนี้นั้นก็จะเป็นหนี้สาธารณะตามกฎหมายอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึง การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายว่า บางคนมองว่าการปรับขึ้น 0.25% น้อยไป แต่อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องปรับนโยบายเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากได้มีการผ่อนคลายนโยบายการเงินการคลังในช่วงที่ผ่านมา
“การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ไม่ใช่จะพิจารณาเฉพาะเรื่อง การควบคุมเงินเฟ้อ และควบคุมเงินไหลออกเท่านั้น จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักในเรื่องการพื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย”
เขากล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ถือว่าขยายตัวดีคือ ขยาย 2.5% ขณะที่ ไตรมาส 1 ขยายตัว 2.2% คาดว่า ทั้งปีนี้น่าจะสามารถขยายตัวได้ในระดับ 3% ต่ำสุดน่าจะอยู่ที่ 2.5% ขณะที่ คลัง และธปท. คาดว่าเศรษฐกิจน่าจะขยายตัวในช่วง 3-3.5%
เขากล่าวอีกว่า ในสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังเป็นปัญหา เพราะรายได้ของคน ขยายตัวไม่ทันกับรายจ่าย อย่างไรก็ตาม เสียงจากสถาบันการเงินเอกชนก็ออกมาว่าจะช่วยดูแลลูกหนี้ โดยชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ส่วนสถาบันการเงินภาครัฐจะตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลูกค้าจนถึงสิ้นปีนี้
ในส่วนของหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล เมื่อดอกเบี้ยปรับขึ้นก็จะมีภาระเพิ่มขึ้น แต่คงไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ได้มีการบริหารจัดการภาระหนี้ เช่น การปรับดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวเป็นคงที่แล้ว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์