‘ฟอร์เวิร์ด’ จ่อเปิดแพลตฟอร์ม DeFi เจาะตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ

นายชานน จรัสสุทธิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Forward Holdings (ฟอร์เวิร์ด โฮลดิ้งส์) เปิดเผยว่า เตรียมปล่อยแพลตฟอร์มด้านการเงิน การลงทุนทางด้าน ในรูปแบบดีเซ็นทรัลไลซ์ เดริเวทีฟ เอ็กซ์เชนจ์(Decentralized derivative exchange) ปลายปี 2565 ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum Virtual Machine (EVM) คือ รหัสของสมาร์ทคอนแทรคที่ดำเนินการบนคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายของผู้ใช้งานทุกคน

คาดได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากการพัฒนาเทคโนโลยี และโปรโตคอลที่น่าสนใจ มั่นใจติดแพลตฟอร์ม DeFi 5 อันดับของโลก เจาะกลุ่มนักลงทุนสายฟิวเจอร์ส มองตลาดต่างประเทศเติบโตมากกว่าในประเทศ เนื่องจากความเข้มงวดในการทำธุรกิจประเภทนี้ แต่ยังคำนึงถึงความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีเพื่อไม่ให้มีการรั่วไหลข้อมูลและมีความชัดเจนทางด้านกฎหมาย รวมทั้งการทำบัญชีที่มีความละเอียด

โดยมี Forward Token เป็นโทเคนที่ผู้พัฒนาสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ถือโทเคนสามารถเสนอแนะ และมีส่วนในการตัดสินใจ และพัฒนาโปรโตคอล รวมทั้งการรับสิทธิพิเศษต่างๆ จากการถือโทเคน หลังจากที่ได้มีการแจกแอร์ดรอปเหรียญฟรีกว่า 5 ล้านเหรียญในเดือนก.พ.2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการทำวิจัยผู้ใช้จริงที่มีการเคลื่อนไหว 72% เป็นผู้ที่มีความสนใจในแพลตฟอร์มของเรา และอีก 28% เป็นการสร้างตัวตนขึ้นมาเพื่อรับแอร์ดรอปโทเคนไปฟรีๆ ถือว่าเป็นตัวเลขที่พึงพอใจสำหรับการทำกิจกรรม ในการสร้างการรับรู้แพลตฟอร์ม

บริการหลักของ Forward DeFi

สำหรับบริการหลักๆ ของฟอร์เวิร์ด คือ Forward Lending and Borrowing Pool คือ ส่วนที่สามารถให้ผู้ใช้งานเข้ามาฝาก และยืมเหรียญหลักต่างๆ ได้ และ Forward Trading คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถเข้ามา Short และ Long เพื่อเพิ่มกำไร หรือป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาในกรณีที่ถือเหรียญ โดยที่สถานะ Short และ Long จะถูกทำให้ไม่มีความเสี่ยง (Hedging) โดยการใช้เหรียญที่อยู่ใน Forward Pool

ในขณะที่ ‘ไบแนนซ์(Binance)’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่ที่สุดของมีสัดส่วนรายได้ 75% มาจากการนักลงทุนประเภทบิตคอยน์ฟิวเจอร์ส และอีก 25% มาจากนักลงทุนแบบสปอต รวมทั้งตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในบ้านเราในกระดานที่มีมาร์เก็ตแคประดับประเทศ ก็ยังมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการซื้อขายแบบสปอตซึ่งที่เป็นที่นิยมกัน นั้นแสดงว่าตลาดการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบฟิวเจอร์ยังกว้างมากที่จะเข้าไปแข่งขัน และมีศักยภาพสูง

ปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินที่อยู่บนแพลตฟอร์ม DeFi ต่างๆ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของคริปโทเคอร์เรนซีใหญ่มาก โดยทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 5 ล้านล้านบาท ต่อวัน ซึ่งฟอร์เวิร์ดคิดค่าธรรมเนียมที่ 0.03% ขณะที่ผู้ให้บริการ DeFi รายอื่นๆ คิดที่เฉลี่ย 0.12% ซึ่งหากเข้าไปมีส่วนแบ่งตลาดได้เพียง 0.1% ภายใน 1 ปี จะมีรายได้ถึง 1,000 ล้านบาท

ระดมทุนพรี-ซีรีส์ เอ เสริมทีมพัฒนา

ทั้งนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทดำเนินการระดมทุน Pre-Series A (พรี-ซีรีส์ เอ)ประมาณ 160 ล้านบาท หรือ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการระดมทุนรอบ Pre-Series A ที่มูลค่า 1,600 ล้านบาท หรือ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่ GBV Capital (จีบีวี แคปิทัล)(Genesis Block Ventures – เจเนสิส บล็อก เวนเจอร์) Varys Capital (แวรี่ แคปิทัล) เวนเจอร์ แคปิทัล ที่เน้นลงทุนด้านบล็อกเชนเทคโนโลยี และสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก 

รวมถึงบริษัทเวนเจอร์ แคปิทัลในไทย อย่าง Primestreet Capital (ไพร์มสตรีท แคปิทัล) และ บริษัท รัตนากรแอสเซท บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย เพื่อนำเงินทุนไปพัฒนา Forward และ DeFi ผ่านทาง Forward Lab (ฟอร์เวิร์ด แล็บ) บริษัท เทค สตาร์ทอัพ ด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน ในการเสริมทัพทีมวิจัย และสร้างการตลาดของแพลตฟอร์มให้แข็งแรง

คาดอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยเติบโต

หากนับวันที่จดทะเบียนบริษัท ฟอร์เวิร์ดมีอายุประมาณ 5 เดือน ซึ่งบริการของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือแพลตฟอร์ม Forward DeFi ในตลาดต่างประเทศ และ Forward Labs และคือ “เทคคอมปะนี” ที่เชี่ยวชาญด้านวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบและสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้อุตสาหกรรมต่างๆ โดยนำบล็อกเชนมาพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์ (creative innovation) จากการให้บริการศูนย์แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ในไทยปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีเก่า ที่ตามหลังสหรัฐอยู่ 8 ปี สิ่งที่ฟอร์เวิร์ด โฮลดิ้งส์ กำลังพัฒนานวัตกรรมด้านการเงินดิจิทัลของไทยให้เทียบเท่ากับผู้ให้บริการในสหรัฐ ทั้งบริการตลาดซื้อขายล่วงหน้าสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล แบบไร้ศูนย์กลาง

โดยการพัฒนาของ Forward Labs ร่วมกับลูกค้าจะต้องมีส่วนช่วย และรับผิดชอบให้สังคมดีขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีที่ดีจะต้องมีคนใช้ และสามารถสร้างประโยชน์ได้จริง ซึ่งจะเสริมสร้างความก้าวหน้าทางด้านการค้าทั้งในระดับองค์กร และรายย่อย การพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศไทย ยังต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อให้เกิดการยอมรับ เช่น หยวนดิจิทัล ของประเทศจีน ที่มีการออกนโยบายเพื่อทำให้เกิดการรับรู้และใช้งาน และต้องการผลักดันให้เทคคอมปะนีขึ้นมาติด 10 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์

DeFi ดิจิทัลแบงกิ้ง จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการเงินในปัจจุบัน ในขณะนี้ระบบการเงินในปัจจุบันมีตัวกลางที่เห็นภาพมากที่สุดคือ ‘ธนาคาร’ ที่มีการเปิดกู้ยืมเงิน และให้บริการฝากเงิน ซึ่งเงินฝากให้ดอกเบี้ย 0.3% และการให้สินเชื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ย 7-8%  ซึ่งหากมีการตัดตัวกลาง และเปลี่ยนสู่ระบบสมาร์ทคอนแทรคที่อยู่บนบล็อกเชน จะสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจรายย่อยได้มาก

คาดแนวโน้มตลาดอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยเติบโต และจะเห็นภาพอุตสาหกรรมนี้ชัดเจนขึ้นในอีก 5 ปี ข้างหน้า จากการให้ความสนใจ และเข้าลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และดิจิทัล อย่างที่เห็นได้ชัดในประเทศไทยคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ให้ความสนใจในการสร้างเงินบาทดิจิทัล และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นตลาดใหม่อีกตลาดที่มีมูลค่าเติบโตมากถึง10-20%ของตลาดทองคำ และเป็นหนึ่งในตลาดที่ได้รับผลกระทบไปตามกลไกเศรษฐศาสตร์เช่น การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งกำลังจะเติบโตขึ้นเหมือนตลาดอื่นๆ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์