จับตา The Merge ดัน"อีเธอเรียม“แซง ”บิตคอยน์"

จับตา The Merge ดัน"อีเธอเรียม“แซง ”บิตคอยน์"

  ในช่วงนี้ “ อีเธอเรียม ” (Ethereum:ETH) ราคาดีดตัวค่อนข้างแรง จากกระแสข่าวที่อีเธอเรียม จะอัปเกรด The Merge ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านอัลกอริทึมของบล็อกเชนไปสู่ Proof-of-Stake (PoS) ในวันที่ 19 ก.ย.นี้

ตลาดกำลังจับตาว่า “อีเธอเรียม” มีโอกาสที่มาร์เก็ตแคปจะขึ้น เป็นเบอร์ 1 แทนที่บิตคอนย์ (Bitcoin :BTC) ที่เป็น King of crypto ของโลกได้จริงหรือไม่

พลากร ยอดชมญาณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาโตชิ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้แบรนด์ “คูแลป” (KULAP)  กล่าวว่า ปัจจุบัน “อีเธอเรียม” มีโอกาสชิงขึ้นอันดับ 1 แทนบิตคอยน์ได้  ด้วยเหตุผลที่ตอนนี้ อีเธอเรียม เป็นเหรียญที่มีมาร์เก็ตแคปเป็นอันดับสอง รองจากบิตคอยน์ อีกทั้ง ระบบนิเวศน์ของอีเธอเรียมทุกวันนี้เปลี่ยนไปแปลงไปค่อนข้างมาก เป็นน่าสนใจต่อการลงทุน  

ตอนนี้คนส่วนใหญ่มอง “อีเธอเรียม” เป็นการสร้าง “ความมั่นคั่ง” ขณะที่ “บิตคอยน์” ถูกมองว่าเป็นการเก็บออม สร้าง “ความมั่นคง”

จับตา The Merge ดัน\"อีเธอเรียม“แซง ”บิตคอยน์\"

จับตา The Merge ดัน\"อีเธอเรียม“แซง ”บิตคอยน์\"

แม้ที่มาของจุดเริ่มต้น “อีเธอเรียม” กับ “บิตคอยน์” จะไม่เหมือนกัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว มองว่าคนส่วนใหญ่บนโลก อาจไม่สนใจ ที่จะมาถกเถียงกันเรื่องจุดเริ่มต้นของเหรียญ หรือการกระจายของเหรียญของใครดีกว่ากัน แต่คนส่วนใหญ่กลับสนใจที่ว่า “จะหาทางออกไหนสามารถช่วยให้หลุดพ้นจากภาวะความเหลื่อมล้ำได้มากกว่า”

พลากร ยังชี้ให้เห็นอีกว่า  ในอดีตที่ผ่านมา บนกระดานเทรดของคอยน์มาร์เก็ตแคป มูลค่าอีเธอเรียมกับบิตคอนย์ ในปี 2560 มีมูลค่าใกล้เคียงกัน หลังจากนั้นเข้าสู่ภาวะตลาดหมี มาร์เก็ตแคปของ บิตคอยน์ เพิ่มขึ้น แต่ อีเธอเรียม ตกลง 

 จนในปี 2564 เมื่อกลับมาเป็นตลาดกระทิง พบว่า มาร์เก็ตแคป อีเธอเรียม เพิ่มขึ้น แต่ บิตคอยน์ ตกลง  จึงคาดว่า ในอนาคตเมื่อตลาดกลับมาเป็นภาวะกระทิงอีกรอบ มาร์เก็ตแคป ของอีเธอเรียม มีโอกาสขยับมาใกล้หรือมากกว่าบิตคอนย์ได้เช่นเดียวกับมาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่เคยแซงตลาดหุ้นสหรัฐ มาแล้วในช่วงทศวรรษหนึ่ง

คาดตลาด"อีเธอเรียม" กลับมาคึก

ด้านไทม์ไลน์ “The Merge” รอบนี้มีโอกาสจะเลื่อนออกไปอีกหรือไม่  "พลากร" มองว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามไทม์ไลน์  จากข่าวของ กลุ่มอีเธอเรียมฟาวน์เดชัน  (Ethereum Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่เกิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางเทคโนโลยีของอีเธอเรียม ที่ออกมาในตอนนี้  ตลาดค่อนข้างมีความมั่นใจว่า “The Merge” สำเร็จปลายเดือน ก.ย. และหลังจากนั้น “ตลาดอีเธอเรียกลับมามีชีวิตชีวา” อีกครั้ง 

แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเครือข่าย “อีเธอเรียม”  จากการอัปเกรด “The Merge” ที่จะทำให้เครือข่ายถูกปรับเปลี่ยนจากกลไก Proof of Work (PoW) ไปเป็น Proof of Stake (PoS) น่าจะมีแรงเก็งกำไรราคาอีเธอเรียมเกิดขึ้น 

สำหรับในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า อาจเป็นช่วงเวลาของการเก็งกำไรราคาอีเธอเรียมเกิดขึ้น และราคาอีเธอรียมอาจไปไกลกว่านี้ เพราะการอัปเกรดครั้งนี้  ลดการผลิตอีเธอเรียม ลงไปมากราว 50% และเหรียญที่บนอีเธอเรียม 2.0 ตอนนี้ อาจถูกล็อกไม่สามารถถอนออกมาได้ เกือบปี และอีเธอเรียม ยังต้องอาศัยการอัปสเกลเพิ่มทั้งความเร็วและการรองรับธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น ในระยะ 5-10 ปี 

 

แนะแบ่งเงิน5-10% ลงทุนเหรียญผู้นำด้านบล็อกเชน 

สำหรับผู้ลงทุนที่เข้ามาในโลกคริปโทเคอเรนซี่ เลี่ยงที่จะลงทุน “อีเธอเรียม” ได้ยาก เพราะในเชิงการลงทุน “อีเธอเรียม” เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลที่ควรมี และจากการที่ “อีเธอเรียม” ยังคงเป็นเหรียญผู้นำทางด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้เว็บ 3 ของ อีเธอเรียม น่าจะมีอนาคตไปได้อีกไกล 

พลากร แนะนำว่า ผู้ลงทุนควรแบ่งสัดส่วนเงินลงทุน 5-10% ของเงินเดือน ทยอยสะสมในช่วงตลาดหมี รอตลาดพลิกกลับเป็นตลาดกระทิงอีกรอบ ซึ่งในช่วงตลาดหมี เราจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ลงทุนด้วยตัวเองจริงๆ เต็มที่ 100% และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนในระยะข้างหน้าได้อย่างถูกต้อง  

สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเหรียญ “บิตคอยน์” หรือ “อีเธอเรียม” เป็นการลงทุนสินทรัพย์แห่งอนาคตที่ดีทั้งคู่ มองว่า บิตคอยน์ ตอบสนองในเชิงการเก็บความมั่นคง  ขณะที่ “อีเธอเรียม” ตอบสนองในเชิงการเก็บความมั่งคั่ง 

เราต้องศึกษาและเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ทำให้เราไม่พลาดเทรนด์และโอกาสในการลงทุนแห่งอนาคต ทั้งเทรนด์เว็บ 5 ของบิตคอนย์ หรือ เว็บ 3 ของอีเธอเรียม นั่นเอง