คอนโดลักชัวรี่ริมหาดจอมเทียนดีมานด์ฟื้นชูจุดขาย“ไมอามี่เมืองไทย”
“คัลเลอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ชี้ตลาดคอนโดลักชัวรี่ริมหาดจอมเทียนดีมานด์ฟื้น สะท้อนผ่านกระแสตอบรับยอดจองคอนโดแบรนด์“อารมณ์”หลังเปิดตัว 2 เดือนยอดขาย 15% ชูจุดขาย“ไมอามี่เมืองไทย”
นายเฉลิมพล โขนแจ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท คัลเลอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดในพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยรวมของตลาดยังอยู่ในภาวะที่ “ทรงตัว” แต่ในบางทำเลและโปรดักส์ชัดเจน เช่น ทำเลที่ติดหาด และเป็นโครงการลักชัวรี่ ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ขณะที่ทำเลในตัวเมืองพัทยาคงใช้เวลาอีกระยะถึงจะฟื้นตัว และมีการพัฒนาโครงการที่ค่อนข้างแออัดจะแตกต่างจากพื้นที่ริมหาดเช่นหาดจอมเทียนยังมีพื้นที่ที่พร้อมจะพัฒนาอีกมาก
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อคอนโดฯเท่าที่เห็นจากโครงการแบรนด์ “อารมณ์” (AROM )จะเป็นเจ้าของกิจการ ผู้บริหารระดับสูงที่เป็นคนไทยทำงานในกรุงเทพฯ และมีลูกค้าต่างชาติที่ทยอยเข้ามาซื้อบ้างแล้วจะมาจาก ฮ่องกง ยุโรป ส่วนลูกค้าจากจีนยังไม่ขยับมีเพียงการเริ่มติดต่อเข้ามารอเพียงแต่เปิดให้เดินทางออกนอกประเทศได้เท่านั้น โดยบริษัทฯเตรียมความพร้อมรองรับลูกค้าเต็มที่ โดยเอเจ้นท์ที่ฮ่องกงเริ่มนำโครงการของบริษัทฯไปจัดอีเว้นต์แล้วเช่นกัน
ปัจจุบันบริษัทฯมีคอนโดมิเนียมแบรนด์ “อารมณ์” (AROM) อยู่ 2 โครงการ 2 ทำเล คือที่หาดวงศ์อมาตย์ และโครงการล่าสุดที่หาดจอมเทียน ที่เพิ่งเปิดสำนักงานขายไปเมื่อเดือนมิ.ย. 2565 นั้นลูกค้าให้การตอบรับค่อนข้างดีสามารถทำยอดขายได้ 15% โดยส่วนใหญ่จะเป็นยอดขายที่เกิดจากฐานลูกค้าเก่าที่ซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 ไว้พักผ่อน
โดยมี 2 เหตุผลหลักๆ ที่ตัดสินใจซื้อ เพราะชื่นชอบในทำเลที่ตั้งของโครงการที่ตั้งอยู่ริมหาดจอมเทียน ซึ่งก็ถือว่าเป็นUnseen อีกแห่งของเมืองพัทยา ที่สามารถนั่งชม พระอาทิตย์ตกดิน วิวพาโนรามา ที่ใกล้กรุงเทพ
ด้านของทำเลที่ตั้งโครงการ อารมณ์ จอมเทียน นายเฉลิมพล ได้ขยายความว่า จากการลงทุนของภาครัฐทั้งจากภาครัฐบาลและระดับท้องถิ่น ตามนโยบายการพัฒนาเมืองพัทยายกระดับสู่การเป็น Pattaya smart City ภายใต้โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกส่งเสริมให้เกิดการลงทุนที่หลากหลายบนพื้นที่เศรษฐกิจใหม่อย่างครบวงจร
ทำให้เกิดการพลิกโฉมในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา)โครงการท่าเทียบเรือ ฯลฯ รวมถึงโครงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยา
“ที่หาดจอมเทียนในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเห็นได้ชัดเจนและในอนาคตที่นี่จะพลิกโฉมอีกมากจากการลงทุนของภาคเอกชนรายใหญ่ที่ได้กว้านซื้อที่ดินริมหาดไว้ทำให้ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 25% ในปัจจุบัน”
นายเฉลิมพลกล่าวต่อว่า หากเปรียบเทียบการพัฒนาระหว่างพื้นที่ริมหาดจอมเทียนกับในเมืองพัทยา ซึ่งปัจจุบันเมืองพัทยามีการพัฒนาที่ค่อนข้างแน่นและแออัดจะแตกต่างจากพื้นที่ริมหาด เช่น หาดจอมเทียนยังมีพื้นที่ที่พร้อมจะพัฒนาอีกมาก
จากแผนใหญ่ในการพัฒนาเมืองชายทะเลที่ส่งผลในปัจจัยด้านบวกของหาดจอมเทียน ประเด็นแรกงานปรับภูมิทัศน์เมืองเนรมิตหาดทรายขาวสวยงามราว “ไมอามี่เมืองไทย” เป็นการถมหาดจอมเทียนทอดยาวระยะทาง 100 เมตร ที่ได้เริ่มดำเนินการแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ระยะสัญญาเริ่มตั้งแต่ พ.ค.2563 กำหนดสิ้นสุด พ.ย.2565 ซึ่งนอกจากส่งเสริมในภาคการท่องเที่ยวของเมืองแล้วยังส่งผลดีต่อการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย รวมทั้งการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าที่จะถูกนำลงใต้ดิน ซึ่งจะเกิดขึ้นอีกเร็วๆนี้
โครงการดังกล่าวออกแบบภายใต้แนวคิด SENSE THE SOULFULLNESS จุดเริ่มต้นของปรัชญาการใช้ชีวิตในแบบของ AROM เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำในทุกอารมณ์ความรู้สึก ทุกช่วงขณะของชีวิตจากธรรมชาติจะสร้างบรรยากาศและความรู้สึกผ่อนคลาย
ความโดดเด่น Poll villa + Condominium ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ สำหรับยูนิต Pool villa ที่มีเพียง 15 ยูนิตเท่านั้น ดีไซน์มาเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าครอบครัว หรือ กลุ่มที่มีความต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
มีPENTHOUSE 2 ยูนิต ที่ชั้น 44 ขนาด 165 และ 185 ตารางเมตร เปิดรับวิว 270 องศา ด้วยบรรยากาศ Sea view อีกที่ยังออกแบบให้มี Pocket balcony ที่สามาถวาง Jacuzzi bath tub ได้อีกด้วย
และจากการมองภาพการเจริญเติบโตของพื้นที่ไว้ตั้งแต่การออกแบบพัฒนา Low building จึงมีทำให้มีพื้นที่พาณิชย์ด้านหน้า โครงการ ที่น่าสนใจอีก 3 ยูนิต สำหรับลูกค้าที่อยากลงทุนเพื่อการสร้างรายได้ และยังสะดวกสบายต่อผู้อยู่อาศัยในโครงการด้วย
สำหรับโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ริมหาดจอมเทียนบนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ พัฒนาเป็นอาคาร High Rise 1 อาคาร ออกแบบเป็นที่พักอาศัยสูง 45 ชั้น จำนวน 314 ยูนิตและ Commercial Building อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น จำนวน 3 ยูนิต โดยห้องพักอาศัยจะมีรูปแบบห้องตั้งแต่ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 33 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาขายเฉลี่ย 150,000 บาทต่อตร.ม. หรือราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 2,000 กว่าล้านบาท ขณะนี้ได้เตรียมก่อสร้าง คาดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ประมาณ ไตรมาส 2 ปี 2569
นายเฉลิมพล กล่าวถึงแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ว่า ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ยังคงพัฒนาคอนโดมิเนียมติดหาด ในโซนภาคตะวันออกเพิ่มเติมอีก 3 โครงการ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน มูลค่าโครงการรวม 15,000-18,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรองรับการพัฒนาแล้ว