ม.หอการค้าไทย เผยธุรกิจกัญชา-กัญชง 3 ปี โต10-15% มูลค่ากว่า 4.2หมื่นล้านบาท
หอการค้าไทยประเมินมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมกัญชา-กัญชง ปี 65 มูลค่า 28,000 ล้านบาท คาดว่าอีก 3 ปี มูลจะสูงถึง42,800 ล้านบาท หรือโต 10-15% คาดว่าจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรสูงถึง 800,000 บาทถึง 1.2 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี หรือเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนต่อนโยบายกัญชาเสรี โดยสำรวจตัว 1,215 ตัวอย่างทั่วประเทศระหว่างวันที่ 5-15 ก.ค.65 พบว่า พบว่า ส่วนใหญ่ถึง 75% จะไม่ซื้อหรือบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาที่มีวางขายทั่วไป เพราะยังกังวลผลข้างเคียง และขาดความรู้และมาตรฐานการผลิต รวมไปถึงกลัวการใช้เกินขนาด ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ 58.3% ยังไม่เห็นด้วยกับการเปิดเสรี เพราะห่วงการใช้กัญชาในกลุ่มเด็กและเยาวชน ก่อให้เกิดการเสพติด และการใช้เกินขนาดในยารักษาโรค
ส่วนอีก 41.7% ที่เห็นด้วยกับการเปิดเสรีนั้น เพราะจะเกิดประโยชน์ทางการแพทย์และสันทนาการ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และควรมีบทลงโทษที่รุนแรงเมื่อมีการทำผิดกฏในการใช้กัญชา รวมทั้งกำหนดขอบเขตของการเปิดเสรีให้ชัดเจน
ทั้งนี้ มีการประเมินมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมกัญชา จากการประมาณการณ์พื้นที่เพาะปลูกกัญชง-กัญชา ล่าสุดณเดือนเม.ย. 2565 ไทย มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 7,500 ไร่ มีมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ รวมกว่า 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ต้นน้ำมูลค่า 9,615 ล้านบาท ช่อดอกแห้ง 8,123ล้านบาท ใบแห้ง 1,128 ล้านบาท เมล็ด 140 ล้านบาท ส่วนอื่นๆ 224 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์กลางน้ำสารสกัดเข้มข้น 12,410 ล้านบาทน้ำมันกัญชา/น้ำมันกัญชง1,383 ล้านบาท เส้นใยกัญชง 896 ล้านบาท
ส่วนผลิตภัณฑ์ปลายน้ำยารักษาโรคและอาหารเสริมมีมูลค่า 1,500 ล้านบาท อาหารและเครื่องดื่ม 1,200ล้านบาท เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ และยังมการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะโตได้ 10-15% มีมูลค่าสูงถึง 42,800 ล้าน โดยผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจะเติบโตเร่งกว่าปัจจุบัน โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรสูงถึง 800,000 บาทถึง 1.2 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี หรือเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี หากเทียบกับการปลูกข้าว เกษตรกรจะมีรายได้จะอยู่ที่ 10,000-15,000 บาทต่อปี
ทั้งนี้ยอมรับว่าประชนคนมีความรู้กัญชา กัญชงน้อย และกังวลต่อการบริโภคว่ามีอันตรายมากแค่ไหน ซึ่งเห็นว่างานวิจัยของรัฐต้องศึกษาแบบบูรณา เช่น ควรทดลองใช้กัญชาทางการแพทย์ และสอดรับดีเอ็นเอของคนไทย โดยสิ่งที่คนกังวลเรื่องการใช้ผิดประเภท เด็กและเยาวชน ปัญหาการเสพเกินขนาด ดังนั้นอยากให้กำหนดอายุคนซื้อและคนใช้และการบังคับใช้กฏหมายต้องรัดกุม รวมถึงความห่วงใยสังคมยังไม่สูงมากนัก
นายพงษ์เพชร นิลจินดามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัย บริษัท Feedback 180 องศา กล่าวว่า ได้มีการสำรวจกระแสค้นหาเกี่ยวกับกัญชาในกลูเกิ้ล เทรนด์ (Google Trends ) โดยสำรวจตั้งแต่ 1 พ.ค.-4 ก.ค. 2565 พบว่า แนวโน้มค้นหาทั่วโลกมีแนวโน้มสม่ำเสมอในช่วง 80% มาโดยตลอด จนกระทั่่งก่อนวันปลดล็อกกัญชาของไทย เมื่อไทยปลดล็อกกัญชาในวันที่ 9 มิ.ย.65 มีส่วนให้คำค้นหาเกี่ยวกับกัญชาของประเทศไทยในอินเตอร์เน็ตพุ่งสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก จากก่อนหน้านี้อยู่ในอันดับที่ 15 ของโลกและติดอันดับ 1 ไปจนถึง 27 มิ.ย.65 ก่อนจะลดลงเรื่อยๆ และสูงสุดในวันที่ 11 มิ.ย. 2565 หลังไทยประกาศปลดล็อกกัญชา
ในส่วนของโซเซียลจากการสำรวจข้อความจำนวน 169,003 ข้อความ ซึ่ง 73% เป็นชาย และช่วงอายุ 18-24 ปีมากสุด พบว่า เฟสบุคมีการกล่าวถึงกัญชามากที่สุด 73 % และข้อความที่กล่าวถึงกัญชาในโซเซียลฝั่งผู้บริโภคสูงกว่าผู้ผลิต โดยในภาพรวมคนในโซเซียลกล่าวถึงกัญชาในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก โดยเฉพาะเริ่มมีการพบผู้เสียชีวิตจากการเสพกัญชาพร้อมทั้งแสดงความกังวลว่าเด็กและเยาวชนเข้าถึงกัญชาได้ง่าย อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อความในเชิงบวกโดยเห็นว่า กัญชาเป็นความหวังใหม่ทางธุรกิจช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศและเป็นประโยชน์ทางการแพทย์