สรท.หวังส่งออกปีนี้โต 10 % อานิงสงส์จากเงินบาทอ่อน

สรท.หวังส่งออกปีนี้โต 10 % อานิงสงส์จากเงินบาทอ่อน

สรท.มั่นใจส่งออกครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง จากผลพวงเงินบาทอ่อน เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าฟื้น ปรับเป้า6-8 % จากเดิม 5 % หวังโต 10 % จับตา เงินเฟ้อ ชิปขาดแคลนกระทบส่งออกไทย

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า  สรท.คาดการณ์การส่งออกรวมปี 2565 ทั้งปีที่ 6-8%  โดยมีปัจจัยบวกมาจากค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายการผลิตโลก (PMI) ในเดือนมิ.ย.ของประเทศคู่ค้าสำคัญเช่น สหรัฐ ยุโรป อังกฤษ ญี่ปุ่น ยังทรงตัวเหนือเส้น Baseline ระหว่าง 50-60 ขณะที่จีนเริ่มฟื้นกลับมาเหนือระดับ Baseline หลังจากก่อนหน้า PMIหดตัวต่ำกว่าที่คาดสะท้อนการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของกิจกรรมการผลิตและเศรษฐกิจโลก อย่างไรตามคงต้องจับตา

ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญคือ

1. สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อโลกที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง IMF คาดการณ์เงินเฟ้อปี 2565 ประเทศพัฒนาแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 6.6% และประเทศเกิดขึ้นหรือประเทศกำลังพัฒนาอยู่ที่ 9.5% ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น กำลังซื้อผู้บริโภคในระดับกลางและระดับล่างทั่วโลกมีสัญญาณชะลดตัว

2. ราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง จากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงยืดเยื้อ เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อเนื่องถึงราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก เนื่องจากน้ำมันเป็นต้นทุนการผลิตสินค้า รวมถึงต้นทุนการขนส่งที่ต้องปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกราคาพลังงานในตลาดโลก

สรท.หวังส่งออกปีนี้โต 10 % อานิงสงส์จากเงินบาทอ่อน

3. สถานการณ์ค่าระวางขนส่งสินค้าทางทะเลยังทรงตัวในระดับสูงและเริ่มมีการปรับลดลงในหลายเส้นทาง แต่พบว่าค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนเปลี่ยนแปลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่สถานการณ์ตู้เปล่าที่นำเข้ามาในประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

4. ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์, เหล็ก, ธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน แป้งสาลี อาหารสัตว์ ปุ๋ย เป็นต้น

“สรท.ปรับตัวเลขการส่งออกของไทยทั้งปีขึ้นมาเป็น 6-8 % จากเดิม 5 % แต่ก็คาดว่า การส่งออกของไทยปีนี้มีความเป็นไปได้ที่ส่งออกขยายตัวถึง 10 % ซึ่งคงต้องดูสถานการณ์ต่อจากนี้โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนชิปว่าจะคลี่คลายได้มากน้อยแค่ไหนในช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญต่อการส่งออกไทย”

ทั้งนี้ สรท. มีข้อเสนอแนะที่สำคัญประกอบด้วย

1. ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย คงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.5 เพื่อประคองให้การฟื้นตัวภาคธุรกิจยังคงดำเนินการได้ และไม่เป็นการซ้ำเติมรายจ่ายของผู้บริโภคและต้นทุนของผู้ประกอบการมากเกินไป โดยขอให้ธนาคารพาณิชย์ เร่งออกแคมเปญเพื่อช่วยเติมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการส่งออกตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต  เร่งสร้างโอกาสทางการในตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญ เช่น CLMV รวมถึงตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เช่นกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซาอุดิอาระเบีย อิรัก เป็นต้น และรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ผ่านเครื่องมือหรือกลไกในการควบคุม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคมากเกินไป

สำหรับการส่งออกของไทย เดือนมิ.ย. 2565 มีมูลค่า 26,553.1ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11.9% เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกขยายตัว 10.4% ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 28,082.3 ล้าน ขยายตัว 24.5% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมิ.ย. ขาดดุลเท่ากับ 1,529.2 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนม.ค. – มิ.ย.ของปี 2565 หรือครึ่งปีแรก ไทยส่งออกรวมมูลค่า 149,184.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 12.7% เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงม.ค. – มิ.ย.ขยายตัว 9%  ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 155,440.7ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 21% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนม.ค. – มิ.ย.ของปี 2565 ขาดดุลเท่ากับ 6,255.9 ล้านดอลลาร์