อคส. เร่งฟ้องเอาผิดทุจริตตามเงินคืน 3 คดีรวมเกือบ 5.4 แสนล้านบาท
อคส. เผย เร่งส่งฟ้องดำเนินคดีผู้กระทำผิด และติดตามเงินมาคืนอคส.ให้ได้อย่างน้อย 3 ก้อนรวมเกือบ 5.4 แสนล้านบาท จากทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 2 พันล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ทุจริตรับจำนำข้าว รวม กว่า 5 แสนล้า นบาท และทุจริตรับจำนำมันสำปะหลัง อีก 3.3 หมื่นล้านบาท
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีจำนวนเงินที่เป็นมูลค่าความเสียหายของอคส.อย่างน้อย 3 ก้อน รวม 539,861 ล้านบาท ที่อคส.จะต้องเร่งฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และติดตามเงินมาคืนให้กับอคส.ให้ได้ ได้แก่ 1.ความเสียหายจากการทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 2,000 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย 2.ความเสียหายจากทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรัง 504,861 ล้านบาท และ 3.ความเสียหายจากทุจริตโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง 33,000 ล้านบาท
โดยคดีทุจริตโครงการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ รอเพียงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลผู้กระทำผิด ถ้าป.ป.ช.ชี้มูลได้เมื่อไร นอกจากจะทำให้อัยการส่งฟ้องร้องดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดแล้ว สำนักงานคณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน (ปปง.) ก็จะสามารถดำเนินการทางแพ่งเพื่อติดตามเงิน 2,000 ล้านบาท ที่พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการ ผู้อำนวยการอคส.และพวก ได้ร่วมกันถอนออกจากบัญชีอคส.ไปจ่ายเป็นค่ามัดจำถุงมือยางให้กับเอกชนคู่สัญญา ที่รับจ้างผลิตถุงมือยาง เอามาคืนให้กับอคส.ได้
ส่วนทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรังปี 54-57 ที่อคส.ส่งให้อัยการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เช่น เจ้าของโกดังและคลังสินค้า ที่อคส.เช่าฝากเก็บข้าวในสต๊อก, โรงสี, บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว เป็นต้น นั้น ล่าสุด มีทั้งสิ้น 1,180 คดี ความเสียหาย 504,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37 คดี จากช่วงก่อนหน้านี้ ที่ส่งฟ้องแล้ว 1,143 คดี รวมความเสียหาย 494,198 ล้านบาท
“ทั้ง 37 คดี เป็นการฟ้องคดีแพ่งในฐานที่เจ้าของโกดังและคลังสินค้า รวมถึงผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) ทำให้น้ำหนักข้าวในสต๊อกหายไปมากกว่าปริมาณเผื่อเหลือเผื่อขาดที่กำหนดไว้ หรือหายไปมากกว่า 1% ทำให้อคส.เสียหายมากกว่า 500 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังฟ้องร้องเจ้าของคลังสินค้าบางรายในคดีอาญาด้วย เพราะมีการยึดหน่วงข้าวที่ฝากเก็บ ไม่ยอมให้ผู้ชนะการประมูลข้าวสต๊อกรัฐช่วงที่ผ่านมา เข้าไปขนย้ายข้าวออกจากคลัง หรือโกดัง จนทำให้ผู้ชนะประมูลเสียโอกาสทางธุรกิจ และบางรายยกเลิกการซื้อ ทำให้อคส.เสียหายอีก”
ส่วนคดีที่ส่งฟ้องก่อนหน้านี้ 1,143 คดีนั้น มีทั้งที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด โดยมีคดีที่ตัดสินแล้ว 15 คดี อคส.ชนะเพียง 3 คดี และแพ้สูงถึง 12 คดี ซึ่งคดีที่แพ้ส่วนใหญ่ เป็นกรณีที่อคส.ฟ้องเจ้าของคลังสินค้า ทำให้ข้าวเสื่อมสภาพ อย่างไรก็ตาม อคส.จะพยายามต่อสู้ให้ถึงที่สุด
ขณะที่คดีทุจริตโครงการรับจำนำมันสำปะหลังปี 51/52 ปี 54/55 และปี 55/56 นั้น ล่าสุด ส่งฟ้อง 164 คดี ความเสียหาย 20,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 คดีจากก่อนหน้านี้ ที่ส่งฟ้อง 161 คดี ความเสียหาย 18,723 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นการฟ้องร้องว่าผู้รับฝากเก็บมันสำปะหลังในสต๊อก ทำให้มันหายไปจากสต๊อก หรือเสื่อมคุณภาพ ล่าสุด ศาลตัดสินจำคุกผู้กระทำผิดแล้ว 26 คดี โดยจะทยอยส่งฟ้องคดีที่เหลือให้เสร็จสิ้นในเร็วๆ นี้ เพราะอคส.เกิดความเสียหายจากโครงการมันสำปะหลังทั้ง 3 โครงการนี้รวมประมาณ 33,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร เช่น เงาะ ลำไย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กุ้ง ฯลฯ ตั้งแต่ปี 42/43 เป็นต้นมาอีกประมาณ 34 โครงการ ที่ยังไม่สามารถปิดโครงการได้ และอคส.อยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดีด้วย ส่วนข้าวสารในสต๊อกที่เหลือล็อตสุดท้ายอีกประมาณ 200,000 ตันนั้น หลังจากเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้อนุมัติให้เปิดประมูลไปแล้วนั้น อคส.จะเร่งเปิดประมูลในเร็วๆ นี้ เพื่อให้สามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวได้ทั้งหมด จากนั้นจึงจะรู้ว่า โครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมา ทำให้รัฐเสียหายเท่าไร เฉพาะความเสียหายจากการทุจริตที่อคส.ฟ้องร้องก็มากกว่า 500,000 ล้านบาทแล้ว