ดาวโจนส์ร่วง 173 จุดกังวลเฟดเร่งขึ้นดบ. หลังภาคบริการแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(6ก.ย.)ร่วงลง 173 จุด หลังการเปิดเผยตัวเลขภาคบริการของสหรัฐซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 173.14 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 31,145.30 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 16.07 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 3,908.19 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 85.95 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 11,544.91 จุด
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 55.5 จากระดับ 56.7 ในเดือนก.ค.
ดัชนีภาคบริการของสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน
ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่
นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐในวันนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 74.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 26.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
ราคาหุ้นของบริษัทแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังมีข่าวว่า บราซิลสั่งห้ามขายไอโฟนหากไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรี