ชลประทาน แจงน้ำที่ท่วมจากฝนล้วนๆ เร่งสูบลงคลองรังสิต รับมือฝนบ่ายนี้
กรมชล เร่งสูบน้ำลงคลองรังสิต แจงยังไม่มีน้ำเหนือหนุน 4 เขื่อนหลักยังว่างรับได้อีก ขณะเขื่อนเจ้าพระยาระบายแค่ 1,400 ลบม.ต่อวินาทีเท่านั้น วอนประชาชนอย่าทิ้งขยะ ขวางทางน้ำ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เนื่องจากในระยะนี้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณผิวถนนจราจรและตามซอยย่อยต่าง ๆ ซึ่งยังคงมีแนวโน้มที่ฝนจะตกสะสมอย่างต่อเนื่อง กรมชลประทาน ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน 21 เครื่อง เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คลี่คลายปัญหาน้ำท่วมและลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวกรุงเทพฯ ให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ประสานงานร่วมกับกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางแนวทางในการระบายน้ำ และพร้อมที่จะสนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าไปช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบให้กับชาวกรุงเทพมหานครได้ตลอดเวลา ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนายการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.)
“ได้สั่งการให้สำนักเครื่องจักรกลนำเครื่องสูบน้ำ 9 เครื่อง มาติดตั้งเพื่อเสริมการระบายน้ำในคลองรังสิต บริเวณสถานีสูบน้ำปากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ตั้งแต่ในช่วงคืนวันที่ 7 ก.ย. 65 โดยให้พร้อมใช้งานได้ทุกจุด นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำ เข้ามาดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำในคลองรังสิตฯลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาให้เร็วที่สุด รองรับน้ำจากฝนที่อาจตกลงมาอีก “
หากพื้นที่ใดมีปัญหา กรมชลประทานพร้อมจะให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ เครื่องจักร เครื่องมือ ที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากได้เตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆไว้พร้อมอยู่แล้ว โดยเฉพาะเครื่องสูบน้ำ เรามีสำรองไว้พร้อมใช้งาน สามารถนำมาสับเปลี่ยนได้ทันที ดังนั้น หากมีหน่วยงานใดแจ้งขอความสนับสนุนมาว่า จุดใดมีความเดือดร้อน ต้องการให้สนับสนุนเครื่องมืออะไร เราพร้อมที่จะจัดส่งเข้าไปช่วยเหลือทันที ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้มากที่สุด”
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ปริมาณน้ำที่เอ่อล้นตามพื้นที่ลุ่มต่างๆ ในเขตภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะนี้เป็นผลมาจากฝนที่ตกหนักจากร่องมรสุมที่พาดผ่าน ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งจะสิ้นสุดในวันนี้( 9 ก.ย. 2565) ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
ซึ่งไม่ใช่น้ำที่ระบายจากเขื่อนหลักทั้ง 4 แห่งคือ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ โดยทั้ง 4 เขื่อนนั้นมีปริมาณน้ำรวมเพียง 55 % ของความจุเขื่อนเท่านั้น ยังมีที่ว่างที่จะรับน้ำฝนได้อีก ในขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา ที่ จ.ชัยนาท ซึ่งกรมชลประทานใช้เป็นเขื่อนทดน้ำ นั้น
มีการระบายในขณะนี้เพียง 1,400 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) ต่อวินาที ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนที่ได้ระบาย1,500-1,700 ลบ.ม. ต่อวินาที ทั้งนี้เพราะสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกในเขตภาคเหนือ ไม่มีแล้ว ส่วนพายุฟ้ามุ่ย ที่กำลังก่อตัวอยู่ในทะเลแปซิฟิกนั้น อยู่ไกลมาก ยังไม่มีผลกับประเทศไทยในขณะนี้
“ ฝนจากร่องมรสุม ตกใต้เขื่อนและตกหนักมากในภาคกลางและตะวันออก ถึง 188-200 มิลลิเมตร ทำให้ไม่สามารถระบายได้ทัน กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ลุ่มต่างๆ เพื่อระบายออกในคลองรังสิต และเจ้าพระยา ดังนั้นจึงอยากขอความร่วมมือกับประชาชน ไม่ควรสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ ไม่ทิ้งขยะ หากฝนในวันนี้(9 ก.ย.) ไม่ซ้ำก็จะระบายได้เร็วขึ้น “
นายเอนก ก้านสังวอน ผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล กล่าวว่า ได้นำเครื่องสูบน้ำไปเสริมที่สถานีสูบน้ำกึ่งถาวรปากคลองรังสิตฯรวม 9 เครื่อง ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำที่ใช้งานอยู่แล้ว 11 เครื่อง รวมเป็น 20 เครื่อง โดยการสูบน้ำตามปกติแล้วจะสลับใช้งาน ด้วยการเดินเครื่องพร้อมกันประมาณ 10 เครื่อง ส่วนที่เหลือจะพักและบำรุงรักษาสภาพเครื่องให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแต่เนื่องจากในระยะนี้มีฝนตกชุกตลอดเวลา ทำให้เครื่องสูบน้ำทำงานหนักมาก
อีกทั้งมีขยะและวัชพืชจำนวนมากเข้าไปติดในเครื่อง ทำให้บางเครื่องชำรุดเสียหาย จำเป็นต้องยกเครื่องที่สำรองไว้มาสับเปลี่ยนให้พร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ได้เร่งรัดซ่อมเครื่องที่ชำรุดให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปเป็นเครื่องสำรองโดยเร็วต่อไป