จับตาผู้นำจีนเจอรัสเซียย้ำจุดยืนร่วมต้านสหรัฐ-ตะวันตก

จับตาผู้นำจีนเจอรัสเซียย้ำจุดยืนร่วมต้านสหรัฐ-ตะวันตก

จับตาผู้นำจีนเจอรัสเซียย้ำจุดยืนร่วมต้านสหรัฐ-ตะวันตก โดยประธานาธิบดีสี อาจใช้โอกาสพบกันเน้นย้ำอิทธิพลทางการเมืองของตนเอง ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินจะแสดงจุดยืนของรัสเซียที่เอนเอียงไปทางเอเชียมากขึ้น

ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ของจีน เตรียมเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองปีนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่มณฑลอู่ฮั่นในปี 2562 โดยมีกำหนดพบปะกับ ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในช่วงเวลาที่ประชาคมโลกพากันคว่ำบาตรรัสเซียในฐานะที่รุกรานยูเครน

สำนักข่าวรอยเตอร์ให้รายละเอียดแผนการเดินทางของประธานาธิบดีสีว่าจะเดินทางเยือนคาซัคสถานในวันพุธ (14 ก.ย.) ก่อนที่จะไปร่วมการประชุม Shanghai Cooperation Organization ที่มีจีนเป็นแกนนำ ในเมืองซามาร์คานด์ ประเทศอุซเบกิสถาน ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยที่นั่น ประธานาธิบดีสีจะได้พบกับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย

จนถึงขณะนี้ ทั้งทางการรัสเซียและจีน ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองแต่อย่างใด แต่การเยือนต่างประเทศของประธานาธิบดีสีครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการแสดงความมั่นใจของปธน.สี ว่าเขาจะได้ครองตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนต่อไปเป็นเทอมที่ 3 โดยจะมีการรับรองสถานะของเขาในตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนต่อไปในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.นี้
 

บรรดานักวิเคราะห์การเมืองมีความเห็นว่า ในการพบปะกับผู้นำรัสเซียครั้งนี้ ปธน.สี อาจใช้โอกาสนี้เน้นย้ำอิทธิพลทางการเมืองของตนเอง ขณะที่ปธน.ปูติน ก็จะแสดงจุดยืนของรัสเซียที่เอนเอียงไปทางเอเชียมากขึ้น ที่สำคัญการเจอกันครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ผู้นำทั้งสองสามารถแสดงจุดยืนต่อต้านสหรัฐและชาติตะวันตกร่วมกัน

หากนับดูแล้วจะเห็นว่าประธานาธิบดีสี และประธานาธิบดีปูติน เคยพบกันมาแล้ว 38 ครั้งในฐานะผู้นำประเทศ โดยครั้งสุดท้าย การพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองเกิดขึ้นเมื่อเดือนก.พ.ปีนี้ ระหว่างพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง โดยประธานาธิบดีปูติน เดินทางไปเยือนปักกิ่งด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าที่รัสเซียจะส่งกำลังทหารบุกรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ.

ในการพบกันครั้งนั้น ผู้นำทั้งสองคนต่างประกาศความเป็นพันธมิตรที่ไร้ขีดจำกัด ประกาศจะสนับสนุนซึ่งกันและกันในประเด็นเกี่ยวกับยูเครนและไต้หวัน และจะร่วมกันต่อต้านชาติตะวันตก และตลอดเวลาที่ผ่านมา จีนยังคงยึดมั่นในคำประกาศนี้ แถมยังไม่เคยประณามปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน 

ส่วนประธานาธิบดีปูติน ก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่า รัสเซียกำลังใช้นโยบายมุ่งสร้างสัมพันธ์กับเอเชียมากขึ้น หลังจากที่รัสเซียต้องเผชิญกับมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงจากชาติตะวันตกในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านพลังงานที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับรัสเซีย และมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียของชาติตะวันตก ทำให้รัสเซียเบนเข็มหาผู้ซื้อจากแถบเอเชียทดแทน
 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  ประธานาธิบดีปูติน ประกาศว่า ก๊าซพรอม ซึ่งเป็นบริษัทก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศ บรรลุข้อตกลงส่งออกก๊าซไปยังจีนผ่านมองโกเลีย ในโครงการขนส่งผ่านท่อก๊าซพาวเวอร์ ออฟ ไซบีเรีย 2 ที่สามารถรองรับก๊าซได้ปีละประมาณ 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณก๊าซที่รัสเซียเคยส่งออกไปยุโรป

ในการประชุม Shanghai Cooperation Organization ที่ประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเส้นทางสายไหมอันรุ่งเรืองของจีน ในสัปดาห์นี้ จะมีรัสเซีย จีน ปากีสถาน และประเทศในเอเชียกลาง 4 ประเทศ เข้าร่วมประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีการรับรองอิหร่านอีกหนึ่งประเทศที่เป็นคู่อริของสหรัฐ ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มความร่วมมือนี้ด้วย

เมื่อเดือนธ.ค.ปี2564 ได้มีการเปิดเผยถึงการค้าทวิภาคีระหว่างจีนและรัสเซียว่าเพิ่มขึ้นทะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2564 และในปีนี้ ทั้งผู้นำจีนและรัสเซียต่างพยายามร่วมมือกันพัฒนาด้านต่างๆเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ

ประธานาธิบดีจีนเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายแบ่งปันโอกาสในการพัฒนาร่วมกัน พร้อมกับตอกย้ำความร่วมมือทวิภาคีในด้านพลังงานและการควบคุมโควิด-19

ประธานาธิบดีสี กล่าวว่า จีนและรัสเซียควรยกระดับความร่วมมือในด้านพลังงานใหม่ พร้อมกับกระชับความร่วมมือด้านพลังงานดั้งเดิม ตลอดจนพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานหมุนเวียน

พร้อมทั้งกล่าวถึงแผนการพัฒนาโลก (Global Development Initiative) ที่ประธานาธิบดีสี ได้นำเสนอในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 76 ว่า แผนการดังกล่าวเป็นแผนการสาธารณะที่มุ่งรับมือกับความท้าทายที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ทั้งยังกระตุ้นให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติภายในปี 2573 ด้วย

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. รายงานข่าวจากบิสสเนส อินไซเดอร์ ระบุว่า ในเดือนก.ค.รัสเซียนำเข้าสินค้าจากจีนมากถึง 6.7 พันล้านดอลลาร์ เท่ากับขยายตัว 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากคู่ค้าชาติตะวันตกหยุดค้าขายกับรัสเซีย เพื่อลงโทษที่เปิดฉากโจมตียูเครน

สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ในเดือนก.ค. รัสเซียนำเข้าสินค้าจีนในอัตราที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนรัสเซียบุกยูเครน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มรถยนต์จากผู้ผลิตอย่างเกรท วอลล์ มอเตอร์ และจีลี ออโตโมบิล โฮลดิ้งส์ เป็นผู้ขายอันดับต้น ๆ ของรัสเซีย และในหลายเดือนที่ผ่านมา ยอดขายของทั้งสองบริษัทในรัสเซียขยายตัวอย่างมาก