“จุรินทร์”ถกทูตพาณิชย์ทั่วโลก วางแผนดันยอดส่งออกโค้งสุดท้าย
“จุรินทร์” นั่งหัวโต๊ะประชุมสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ร่วมกับทูตพาณิชย์ 58 ประเทศทั่วโลก-ภาคเอกชน วาง 530 กิจกรรม เพิ่มยอดส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง 65 ลุยเจาะเมืองรอง 105 เมือง ใน 36 ประเทศ ลงนามมินิเอฟทีเอ ตั้งเป้าทำรายได้เข้าประเทศเพิ่ม 570 ล้านดอลล่าร์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ครึ่งปีหลัง 2565 ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ใน 58 สำนักงาน 42 ประเทศ ว่า การส่งออกไทยยังต้องเผชิญปัญหาเช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลกทั้งสงครามการค้า โควิด สงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาจีนกับไต้หวันเพิ่มเติมขึ้นมา ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจของผู้ค้าของเราชะลอตัว บางประเทศมีแนวโน้มติดลบ รวมทั้งปัญหาการขึ้นดอกเบี้ย ค่าเงินและระบบการขนส่งสินค้าก็ตาม ซึ่งทูตพาณิชย์จากทุกประเทศ ได้จัดทำแผนร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและภาคเอกชน ทำแผนงานที่มีความชัดเจน จากเดิมกำหนดไว้กิจกรรมในปี 2565 ไว้ที่ 185 กิจกรรม แต่แผนใหม่ปรับเป็น 530 กิจกรรม มีกิจกรรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 345 กิจกรรม เพื่อทำตัวเลขครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้นกว่าเป้าเดิมที่ทำไว้
โดยกิจกรรมการส่งออกใหม่ ทั้ง 345 กิจกรรม มีทั้งกิจกรรมเชิงรุกและเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็น การเจาะตลาดเมืองรอง จากที่เน้นการเจาะเมืองหลักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตลาดเมืองรองมีเป้าหมายชัดเจนจะเจาะทั้งหมด 105 เมือง ใน 36 ประเทศ และจะเจาะตลาดสินค้าชนิดใหม่เพิ่มเติม เช่น สินค้าก่อสร้าง และบริการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เจาะตลาดซาอุดิอาระเบีย ที่มีนโยบายสร้างเมืองใหม่ สินค้าฮาลาล เจาะตะวันออกกลาง และจีนที่มณฑลกานซู่ ที่มีชาวมุสลิมจำนวนมาก และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่เป็นสินค้าดาวเด่น จะเจาะตลาดยุโรป เป็นต้น การเร่งรัด Mini-FTA โดยช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการลงนามมินิเอฟทีเอ เมืองคยองกี ประเทศเกาหลี เมืองเสิ้นเจิ้น และ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน
นอกจากนี้จะส่งเสริมการค้าระบบออนไลน์ การจับคู่เจรจาธุรกิจ การนำซอฟพาวเวอร์ใส่สินค้าและบริการของไทย การให้ความสำคัญกับ BCG การเร่งรัดการเดินหน้าตามนโยบาย รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่และฟื้นตลาดเก่า
“ในครึ่งปีหลังกำหนดมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอีกเป็น 570 ล้านดอลล่าร์ หรือ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากทำได้มูลค่าการส่งออกทั้งปีจะเพิ่มขึ้นเป็นได้ 284,933 ล้านดอลาร์ จากเดิม 284,863 ล้านดอลลาร์ หรือขยายตัว 4 % “นายจุรินทร์ กล่าว
ปัจจุบัน การส่งออกในช่วง 7 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-ก.ค.) ทำรายได้เข้าประเทศแล้ว 172,814.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11.5% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4% ซึ่งการเพิ่มตัวเลขส่งออกในช่วยครึ่งปีหลังนี้อีกเป็น 570 ล้านดอลล่าร์ แต่กระทรวงก็ยังไม่มีการปรับเป้า
สำหรับการทำงานของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเร่งรัดตัวเลขส่งออกและการแก้ปัญหาการส่งออก รูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดอันหนึ่งคือ ในช่วงที่ผ่านมาเราได้ช่วยกันแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนและค่าระวางเรือมีราคาสูงมาก ปัจจุบันได้แก้ปัญหาเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วสามารถแก้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนได้โดย เฉพาะ 6 เดือนแรกของปีนี้ ตู้คอนเทนเนอร์มีให้ใช้ส่งออกได้เพิ่มขึ้นถึง 12% และค่าระวางเรือปรับลดลงจาก 15,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ ลดลงมาเหลือ 7000 ถึง 10,000 ดอลลาร์ ลดลงมาประมาณ 50% ทำให้ตัวเลขส่งออกของเราคล่องตัวขึ้น และการเปิดโอกาสให้เรือใหญ่มาเทียบท่าที่แหลมฉบังได้ มีส่วนช่วยเสริมให้มีพื้นที่เหลือ ส่งออกได้มากขึ้น โดยความร่วมมือจากกรมเจ้าท่าออกประกาศให้เรือใหญ่เทียบท่าได้ตั้งแต่ 9 ก.พ.64 มีอายุ 2 ปี ซึ่งที่ประชุมจะขอความร่วมมือจากกรมเจ้าท่าต่ออายุไปอีก จะมีส่วนช่วยให้การส่งของเราคล่องตัวขึ้น จะมีพื้นที่เรือขนสินค้าไทยไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น