"ชาติกำลังพัฒนา" ในเอเชีย โตเร็วกว่า "จีน" ครั้งแรก ในรอบกว่า 30 ปี
“เอดีบี” คาด ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย มีแนวโน้มการเติบโตแซงหน้ายักษ์เศรษฐกิจอย่าง “จีน” เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ทศวรรษ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์สกัดโควิดเป็นช่วง ๆ ในจีน ทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ต่อเนื่อง
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยรายงาน “Asian Development Outlook” ในวันนี้ (21 ก.ย.) ระบุว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึงจีนและอินเดีย จะขยายตัว 4.3% ในปี 2565 ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ค. ที่ระดับ 4.6% และระดับ 5.2% ในเดือน เม.ย.
ส่วนในปี 2566 เอดีบีคาดว่า เศรษฐกิจในเอเชียจะขยายตัว 4.9% ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ค. ที่ระดับ 5.2% และระดับ 5.3% ในเดือน เม.ย.
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่น่าสนใจคือ “หากไม่นับรวมจีน” ประเทศกำลังพัฒนาที่เหลือในเอเชีย จะมีแนวโน้มเติบโตแซงหน้าจีนทั้งในปีนี้และปีหน้า และเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่ตัวเลขการเติบโตรวมกันของประเทศกำลังพัฒนาที่เหลือในเอเชียสูงกว่าจีน ซึ่งเป็นยักษ์เศรษฐกิจแห่งภูมิภาคในช่วงหลายสิบปีหลัง
เอดีบีชี้ว่า ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย “ยกเว้นจีน” จะอยู่ที่ 5.3% ในปี 2565 และ 2566
ขณะที่เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 3.3% ในปี 2565 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4% ในเดือน ก.ค. และระดับ 5% ในเดือนเม.ย. ส่วนในปี 2566 คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 4.5% ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.8%
“ครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้คือในปี 2533 ซึ่งการเติบโตของจีนชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 3.9% ขณะที่จีดีพีในประเทศที่เหลือของเอเชียขยายตัว 6.9%” รายงานเอดีบีระบุ
เอดีบีวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่แนวโน้มการเติบโตของจีนแผ่วลง เป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์เป็นช่วง ๆ ตามนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ของรัฐบาล รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงที่ความต้องการจากนอกประเทศซบเซา
นายอัลเบิร์ต พาร์ค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบี กล่าวว่า "นับตั้งแต่ที่เอดีบี เปิดเผยรายงาน Asian Development Outlook ในเดือนเม.ย. ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้ปรากฏให้เห็นมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางทั่วโลกพากันใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงรุก ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน"
สำหรับภูมิภาคย่อยในเอเชียนั้น เอดีบี คาดว่าเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียกลางจะขยายตัว 5.1% และ 3.9% ในปี 2565 ตามลำดับ ซึ่งดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในเอเชียใต้ไว้ที่ 6.5% แม้เอดีบี ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอินเดียลงสู่ระดับ 7% จากระดับ 7.2% เนื่องจากวิกฤตเงินเฟ้อและผลกระทบของการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน
นอกจากนี้ เอดีบี ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงส่งผลให้ราคาอาหารและเชื้อเพลิงพุ่งขึ้น โดยเอดีบี คาดว่า อัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะอยู่ที่ 4.5% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 3.7% และระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.
ส่วนในปี 2566 นั้น คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในภูมิภาคแห่งนี้จะอยู่ที่ 4% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 3.1% และระดับ 3.5% ในเดือนก.ค.