ลงทะเบียน "คนละครึ่งเฟส 5" รอบใหม่ 23 กันยายน 2565 จำนวน 3.09 ล้านสิทธิ
เตรียมลงทะเบียน "คนละครึ่งเฟส 5" รอบใหม่ ในวันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 จำนวน 3.09 ล้านสิทธิ ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" หรือ www.คนละครึ่ง.com หลังประชาชนกลุ่มที่ได้รับสิทธิแล้ว แต่ไม่ได้มีการใช้จ่ายครั้งแรกภายในระยะเวลาที่กำหนด
ความคืบหน้าโครงการ "คนละครึ่งเฟส 5" ล่าสุด นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีสิทธิคงเหลือประมาณ 3.09 ล้านสิทธิ จากประชาชนกลุ่มที่ได้รับสิทธิแล้ว แต่ไม่ได้มีการใช้จ่ายครั้งแรกภายในระยะเวลาที่กำหนด
โดย กระทรวงการคลัง จะนำสิทธิคงเหลือดังกล่าวมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรอบใหม่ โดยกระทรวงการคลังจะเปิดรับลงทะเบียน "คนละครึ่งเฟส 5" รอบใหม่ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 จนถึงวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2565 ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" หรือ www.คนละครึ่ง.com (คลิกที่นี่) ระหว่างเวลา 06.00 น. – 22.00 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เงื่อนไข / คุณสมบัติ ลงทะเบียน "คนละครึ่งเฟส 5"
- มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และมีบัตรประจำตัวประชาชน
- ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2565
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3
- ไม่เคยถูกระงับสิทธิ ถูกเรียกเงินคืน หรือฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการหรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ
โดยประชาชนทั่วไปสามารถ ลงทะเบียน "คนละครึ่งเฟส 5" รอบใหม่ นี้ได้ ทั้งประชาชนที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิโครงการฯ และประชาชนที่เคยได้รับสิทธิโครงการฯ แต่ไม่ได้ใช้จ่ายครั้งแรกภายในระยะเวลาที่กำหนด
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนที่ลงทะเบียน และได้รับสิทธิจะได้รับวงเงินสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวด สปา ทำผม ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะ และสินค้าหรือบริการที่กระทรวงการคลังกำหนด ในอัตราร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ เหมือนประชาชนที่ได้รับสิทธิทุกรายก่อนหน้านี้ ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2565 จนถึงวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 ระหว่างเวลา 06.00 น. – 22.59 น.
ความคืบหน้าการใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3
- โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 หรือ "คนละครึ่งเฟส 5"
โฆษกกระทรวงการคลังเผยว่า จากข้อมูลสะสม ณ วันอังคารที่ 20 กันยายน 2565 เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 36.85 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 28,186.08 ล้านบาท
สรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้
1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 12.53 ล้านคน และมียอดใช้จ่าย 2,498.58 ล้านบาท
2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 923,782 คน และมียอดใช้จ่ายสะสม 184.02 ล้านบาท
3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนรายเดิมที่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 (ประชาชนรายเดิมฯ) จำนวน 23.24 ล้านคน คิดเป็นยอดใช้จ่ายสะสม 25,331.94 ล้านบาท และมีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 (ประชาชนรายใหม่ฯ) จำนวน 158,417 คน คิดเป็นยอดใช้จ่ายสะสม 171.54 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิทั้งหมดจำนวน 23.40 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวม 25,503.48 ล้านบาท แบ่งเป็น
- เงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 12,942.23 ล้านบาท
- เงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 12,561.25 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับยอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 10,260.81 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 5,350.36 ล้านบาท ร้าน OTOP 1,233.52 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 8,225.92 ล้านบาท ร้านบริการ 405.47 ล้านบาท และกิจการขนส่ง 27.40 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมแล้วจำนวน 9.55 แสนราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.12 หมื่นราย
สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 หรือ "คนละครึ่งเฟส 5" ยังคงสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่องจนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัคร
โดยผู้ประกอบการร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 และมีแอปพลิเคชันถุงเงิน สามารถกดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 ผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินได้ทันที
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com (คลิกที่นี่) หรือติดต่อลงทะเบียนที่สาขา/จุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือติดต่อกับเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครหรือเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยในพื้นที่เพื่อขอยืนยันการประกอบกิจการก่อนนำเอกสารไปยื่นที่สาขา/จุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินการเปิดแอปพลิเคชันถุงเงินต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ประสงค์จะขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม ยังสามารถเลือกเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 ได้หนึ่งราย ผ่านแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน"
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 02 273 9020 ต่อ 3502 3503 3506 3536 3542 3518 หรือ
โทร. 08-5842-7102, 08-5842-7103, 08-5842-7104, 08-5842-7105,
08-5842-7106, 08-5842-7107, 08-5842-7108 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected]
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1122 (ตลอด 24 ชั่วโมง)