‘สภาพัฒน์’เดินหน้าพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค หลังครม.เห็นชอบ
‘สภาพัฒน์’ พร้อมเดินหน้าพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค หลังครม. เห็นชอบ ชี้ช่วยกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจ พัฒนาพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำ
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 มีมติเห็นชอบการกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค และการขับเคลื่อนการดำเนินงาน 5 ด้าน เพื่อกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่บริเวณชายแดน รวมทั้ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) เสนอ ดังนี้
1. การกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (ระเบียงฯ) เห็นชอบการกำหนดพื้นที่โดยมีขอบเขตเป็นระดับจังหวัด ดังนี้
1.1 ให้พื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูนและจังหวัดลำปาง เป็นระเบียงฯ ภาคเหนือ หรือ Northern Economic Corridor: NEC - Creative LANNA เพื่อพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์หลักของประเทศอย่างยั่งยืน
1.2 ให้พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย เป็นระเบียงฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ Northeastern Economic Corridor: NeEC – Bioeconomy เพื่อพัฒนาเป็นฐานอุตสาหกรรมชีวภาพแห่งใหม่ของประเทศด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดห่วงโซ่การผลิต
1.3 ให้พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นระเบียงฯ ภาคกลาง - ตะวันตก หรือ Central - Western Economic Corridor: CWEC เพื่อพัฒนาเป็นฐานเศรษฐกิจชั้นนำ ด้านอุตสาหกรรมเกษตร การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมไฮเทคมูลค่าสูง เชื่อมโยงกับ กทม. และพื้นที่โดยรอบ และ EEC
1.4 ให้พื้นที่จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นระเบียงฯ ภาคใต้ หรือ Southern Economic Corridor: SEC เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ในการเชื่อมโยงการค้าและโลจิสติกส์กับพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศ และภูมิภาคฝั่งทะเลอันดามัน (BIMSTEC) เป็นฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพและการแปรรูปเกษตรมูลค่าสูง และเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการท่องเที่ยวสู่นานาชาติ
2. การขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีองค์ประกอบการ 5 ด้าน ดังนี้
(1)การให้สิทธิประโยชน์และการอำนวยความสะดวกการลงทุน
(2) การพัฒนาห่วงโซ่การผลิตและบริการ
(3) การวิจัยและพัฒนาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี
(4) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
และ (5) การพัฒนาแรงงานและสนับสนุนผู้ประกอบการ
3. ความก้าวหน้าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประกอบด้วย
(1) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษใน 4 ภาค มูลค่าการลงทุนในปี 2564 จำนวน 118,637 ล้านบาท
มีการดำเนินโครงการสำคัญ ทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
การใช้ประโยชน์อุทยานวิทยาศาสตร์และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ และการส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิจัยและพัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม และ
(2) เขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 แห่ง ได้แก่ จังหวัดตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา หนองคาย นราธิวาส เชียงราย นครพนม และกาญจนบุรี มูลค่าการลงทุนรวม (ปี 2558 – เมษายน 2565) จำนวน 36,882 ล้านบาท และการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรแล้วเสร็จประมาณ 89%