'กรมทางหลวง' เตรียมเปิดพีพีพีที่พักริมทางมอเตอร์เวย์ต้นปี 66

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนบริการที่พักริมทาง บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 บริเวณศรีราชา และบางละมุง โดยระบุว่า ปัจจุบัน ทล.อยู่ระหว่างดำเนินการจัดเตรียมเอกสารการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน (RFP) ในโครงการดังกล่าว คาดว่าจะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ในเดือน ธ.ค.นี้ และจะประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนในช่วงต้นปี 2566

อย่างไรก็ดี โครงการที่พักริมทางจะทยอยเปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน อาทิ ที่จอดรถ พื้นที่พักผ่อน ห้องน้ำ และพื้นที่พาณิชย์บางส่วน ได้ภายในปี 2567 และ ทล.วางแผนการเปิดบริการเต็มรูปแบบทั้งพื้นที่ได้ภายในปี 2568 ซึ่งโครงการนี้จะช่วยอำนวยความปลอดภัยในการเดินทางระยะไกล เป็นสถานที่เพื่อผ่อนคลายจากการเดินทาง รวมถึงการใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สามารถช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากความเหนื่อยล้า ง่วงหรือหลับใน

สำหรับ โครงการพัฒนาที่พักริมทางทั้ง 2 แห่ง ประกอบด้วย

1. สถานที่บริการทางหลวงบางละมุง เป็นที่พักริมทางขนาดกลาง บริเวณ กม.137+800 บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ตั้งอยู่ระหว่างทางแยกต่างระดับห้วยใหญ่และทางแยกต่างระดับเขาชีโอน ขนาดพื้นที่ฝั่งละประมาณ 38 ไร่ จัดให้มีขึ้นเพื่อเป็นจุดแวะพักหลักเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้ทาง ซึ่งภายในสถานที่บริการทางหลวงดังกล่าวจะประกอบด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ ที่จอดรถ พื้นที่นั่งพักผ่อน ห้องน้ำบริการประชาชน ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านขายของ สถานีบริการน้ำมัน สถานีชาร์จประจุไฟฟ้าแบบเร็ว (Quick Charge) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ศูนย์บริการระบบผ่านทางอัตโนมัติ และการบริการอื่นๆ ที่จำเป็น

2. ศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา เป็นที่พักริมทางขนาดใหญ่ บริเวณ กม.93+750 บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ตั้งอยู่ระหว่างทางแยกต่างระดับบางพระ (คีรี) และทางแยกต่างระดับหนองขาม ขนาดพื้นที่ฝั่งละประมาณ 59 ไร่ เพื่อเป็นจุดหลักในการแวะพักสำหรับผู้ใช้ทาง ซึ่งภายในศูนย์บริการทางหลวงดังกล่าวจะประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบถ้วนเช่นเดียวกับที่บางละมุง โดยมีศูนย์ปฐมพยาบาล หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและระงับอัคคีภัย เพิ่มเติมเพื่อรองรับการให้บริการประชาชนผู้ใช้ทาง 

โดยที่พักริมทางทั้ง 2 แห่ง นี้ ได้กำหนดให้มีอาคารยกระดับคร่อมอยู่เหนือช่องจราจร ซึ่งสามารถรองรับการใช้พื้นที่ร่วมกันทั้งสองฝั่ง ทำให้ช่วยแก้ปัญหาสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอ ทั้งที่จอดรถ ห้องน้ำ ร้านค้า สถานีบริการน้ำมัน ในช่วงที่มีความคับคั่งมาก โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดเทศกาลอีกด้วย

สำหรับ รูปแบบการลงทุน จากผลการศึกษาเบื้องต้น ทล.จะดำเนินการในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ดำเนินการจัดหาและปรับระดับที่ดินของโครงการ และเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบในการลงทุนออกแบบ ก่อสร้าง และบริหารจัดการโครงการ ระยะเวลาของโครงการ 32 ปี แบ่งเป็น ก่อสร้าง 2 ปี และบริหารจัดการ 30 ปี โดย ทล.จะได้รับผลตอบแทนจากเอกชนตลอดอายุสัญญา ซึ่งคาดว่าทั้งสองโครงการจะสามารถสร้างผลตอบแทน 30 ปี รวมไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายของเอกชนระยะเวลา 32 ปี รวมสองโครงการจะอยู่ที่ราว 6.1 พันล้านบาท ส่วนผลประมาณการรายได้ของทั้งสองโครงการ ยังพบว่าโครงการศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา (ช่วงชลบุรี-พัทยา) จะมีรายได้ตลอดสัญญา 30 ปี รวม 1 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการสถานที่บริการทางหลวงบางละมุง (ช่วงพัทยา-มาบตาพุด) จะมีรายได้ตลอดสัญญา 30 ปี กว่า 5.2 พันล้านบาท