ส่งออก ‘หนูพุก’ โกยรายได้งาม ที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
หนุ่มรับเหมาตกแต่งคอนโด เจอวิกฤตโควิด หันมาทำฟาร์มหนูพุกใหญ่พรหมพิราม ผลิตและแปรรูปขายหลากหลายเมนู อาทิ หนูอบโอ่งสมุนไพร แผ่นเนื้อหนูอบแห้ง ใช้แบรนด์ “Deecota” โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและพนักงานบริษัท ส่งขายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศรายได้ดี
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปวิสาหกิจชุมชนหนูพุกใหญ่พรหมพิราม เลขที่ 71/3 หมู่ 9 ตำบลดงประคำ อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก มี นายมนตรี ชูกำลัง อายุ 41 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหนูพุกใหญ่พรหมพิราม เปิดเผยว่า ก่อนที่จะทำฟาร์มหนู เติมเป็นผู้รับเหมาตกแต่งคอนโดอยู่ที่ กรุงเทพฯ กระทั่งเจอวิกฤตโควิด ทำให้ไม่สามารถอยู่ได้ จึงเดินทางกลับมาบ้านเกิดที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก แล้วมามองดูเรื่องการเลี้ยงหนูนา เพราะหนูธรรมชาติหายาก ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ ทั้งหนูนาดั้งเดิม หนูพุกเล็ก หนูพุกใหญ่ แล้วมาสรุปที่หนูพุกใหญ่ เนื่องจากว่าเป็นพันธุ์ลูกผสมจนทำให้หนูมีขนาดลำตัวที่ใหญ่ เน้นการทำฟาร์มให้ได้มาตรฐาน หลังจากเริ่มได้เลี้ยงหนูนา ประมาณ 5 เดือน ก็เริ่มแปรรูปเป็นหนูอบโอ่ง ขายในพื้นที่ จ.พิษณุโลก แล้วส่งขายออนไลน์ทั่วประเทศได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยใช้แบรนด์ “Deecota”
ขณะนี้ ได้ยื่นเรื่อง ขอ อย. กับทางสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก คาดว่าต้นปี 2566 นี้ อย.ผ่าน มีเป้าหมายเจาะตลาด ประเทศจีนและญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้เตรียมทำห้องชำแหละให้ได้มาตรฐาน สำหรับฟาร์มหนูของตน จะมีเจ้าหน้าที่ ตรวจพิษสุนัขบ้า ตรวจพยาธิ โรคฉี่หนู ทุก 3 เดือน ปัจจุบัน เลี้ยงเข้ามาปีที่ 2 พบว่ากระแสการขายหนูดีมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจ สำหรับฟาร์มหนูของตนมีมาตรฐาน OTOP โดยมีหลายงานหน่วยงานเข้ามาสนับสนุน อาทิ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พิษณุโลก
นายมนตรี กล่าวว่า สำหรับการจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน เริ่มจากการรวมกลุ่ม 7 ครอบครัวผู้เลี้ยงหนูพุกใหญ่รวมกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนหนูพุกใหญ่พรหมพิราม โดยปัจจุบัน มีสมาชิกที่เลี้ยงหนูพุก 20 ราย ในพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และพิจิตร โดยสมาชิกทั้ง 20 ราย จะเลี้ยงแล้วส่งผลผลิตให้กับตน ซึ่งมีการรับประกันราคารับซื้อไว้กิโลกรัมละ 130-150 บาท พร้อมกับทำตลาด หากมีองค์ความรู้ใหม่ๆก็จะมีการนำไปสอนให้กับลูกฟาร์ม เพื่อให้การผลิตเป็นมาตรฐานเดียวกัน ในแต่ละเดือนมีหนูออกมาประมาณ 600-1,000 กิโลกรัม แต่ว่าในช่วงฤดูฝนนี้อาหารถิ่นขายยาก ก็จะมีการรับซื้อหนูประมาณเจ้าละ 200 กิโลกรัม ปัจจุบันการขายปลีกก็ไม่เพียงพอขายเพราะความต้องการในท้องตลาดมีมาก เรื่องหนูล้นตลาดจึงไม่กังวลเพราะว่ามีการทำตลาดวงกว้าง การผลิตกับลูกฟาร์มผลิตเท่าไหร่ก็ขายได้หมด
ปัจจุบันลูกฟาร์มกว่า 50% เป็นผู้ที่เกษียณอายุราชการ ที่หันมาทำฟาร์มหนูพุกใหญ่ เป็นอาชีพเสริมรายได้ ส่วนการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก อาหารมีเพียงหัวอาหาร ข้าวโพด หญ้าหวานเนเปีย หญ้าหวานอิสราเอล เลี้ยงเพียง 3 เดือนก็ได้หนูที่มีขนาดน้ำหนักครึ่งกิโลกรัมแล้ว ส่วนพ่อแม่พันธุ์จะให้อาหารประมาณ 18-20% เพื่อไม่ให้อ้วนจนเกินไปจนมีผลต่อร่างกาย
สำหรับราคาขายหนูสด กิโลกรัมละ 250 บาท หนูอบโอ่งชั่งน้ำหนักก่อนอบ ราคากิโลกรัมละ 250-300 บาท โดยหนูที่อบแล้วน้ำหนักจะลดลงเหลือประมาณ 600 กรัม ซึ่งเป็นขนาดที่ ประเทศฮ่องกง นิยมจะประมาณ 3 ตัวต่อกิโลกรัม ซึ่งชาวฮ่องกง จะนำไปขายเฉลี่ยตัวละ 100 เหรียญฮ่องกง หรือตกตัวละประมาณ 476 บาทเลยทีเดียว
นอกจากหนูอบโอ่งแล้ว ยังได้แปรรูปเนื้อหนูอบแห้ง 100 % เป็นสินค้าที่ตอบโจทน์เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา และพนักงานออฟฟิต ซึ่งเนื้อหนูอบแห้ง จะทำเป็นแผ่นอบกรอบ บรรจุใส่กล่องๆละ 10 แผ่น น้ำหนักประมาณ 70 กรัมจำหน่ายกล่องละ 100 บาท นอกจากนี้ เวลาทำความสะอาดบ่อมูล สามารถนำมาทำปุ๋ยอัดเม็ดเหมาะสำหรับพืชให้ใบ ลำต้น จำหน่ายถุงละ 20 บาท ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม นับเป็นสินค้าโอท็อปที่สร้างชื่อให้ จ.พิษณุโลก
สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถติดต่อทางเพจ Deecota หนูพุกใหญ่พรหมพิราม หรือหากสนใจเป็นลูกฟาร์ม หรือสั่งสินค้าสามารถติดต่อ นายมนตรี ชูกำลัง อายุ 41 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหนูพุกใหญ่พรหมพิราม โทรศัพท์ 099-359-6131