เคล็ด (ไม่) ลับ ประหยัดพลังงานสไตล์ “แพนเค้ก เขมนิจ” ชวนคนไทยลดใช้ไฟฟ้า
“แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์” ร่วมกระตุ้นคนไทย ตระหนักใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า พร้อมแนะรัฐออกมาตรการกึ่งบังคับ สร้างส่วนร่วมช่วยชาติประหยัดพลังาน
ดร.เขมนิจ จามิกรณ์ (แพนเค้ก) นักแสดงชั้นนำ กล่าวในเวทีเสวนาหาทางออก ฝ่าวิกฤติ “พลังงานโลก” ทางรอด “พลังงานไทย” จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เมื่อวันนี้ 27 ตุลาคม 2565 หัวข้อ “ประหยัดพลังงานสไตล์ซุปเปอร์โมเดลรักษ์โลก” ว่า จากวิกฤติราคาพลังงานที่ผันผวนและมีราคาพุ่งสูงมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ในฐานประชาชนผู้ใช้พลังงาน ถือว่าได้รับผลกระทบจากอัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นทันที
ทั้งนี้ เนื่องมาจากบ้านของตนเป็นทั้งออฟฟิศทำงานและมีบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกันอีก 3 หลัง บวกกับจำนวนสมาชิกอยู่รวมกันนับ 10 คน ดังนั้น ในช่วงที่อยู่บ้านพร้อมกันหลายคนก็จะเกิดการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ยิ่งช่วงปัญหาโควิด-19 เกิดขึ้นมาใหม่ ๆ รัฐบาลประกาศนโยบาย WFH การใช้พลังงานโดยเฉพาะไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น แต่รายได้เท่าเดิม ดังนั้น แต่ละครัวเรือนก็ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการประหยัดพลังงานนั้น มองว่าจะต้องเริ่มจาก “ตัวเรา” และสมาชิกในบ้านจะต้องร่วมกันประหยัดพลังงาน โดยลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น ตนจะกำชับคนในบ้านให้ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้งานแล้ว และสร้างการตระหนักรู้ในการใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย เช่น การเปิด-ปิดตู้เย็นให้น้อยลง หันไปออกกำลังกายนอกสถานที่เพื่อลดการใช้ไฟในบ้าน ส่วนสัตว์เลี้ยงอย่างน้องหมาที่เคยอยู่ห้องแอร์ตลอดเวลา ก็ปรับมาใช้พัดลมแทนในช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก
“ช่วงแรกได้มีการ mindset สมาชิกในครอบครัว โดยการติดป้ายกระดาษไว้เตือนสมาชิกในบ้าน ให้ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น ซึ่งจากการรับฟังข้อมูลจากรัฐบาลทำให้รู้ว่าสถานการณ์พลังงานหนักกว่าที่คิด และยากกว่าที่คิด เราไม่ได้อยู่ในสาขาวิชาชีพนี้ พอฟังแล้วก็ต้องกลับไปตื่นตัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และพร้อมสนับสนุนทุกโครงการของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน และปรับตัวเองให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป”
ดร.เขมนิจ ยอมรับว่า มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของรัฐบาลถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยลดโลกร้อนได้ช่องทางหนึ่ง ซึ่งตนก็ก็อยากมีรถอีวีใช้ และได้มีการศึกษาข้อมูลเพื่อจะจอง ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการจอง โดยส่วนตัวแล้วจะพยายามปรับการใช้ชีวิตให้เข้ากับโลกใหม่ ๆ มากขึ้น แต่ก็ยังมีคำถามว่า จำนวนรถอีวีและสถานีชาร์จรถอีวีมีเพียงพอรองรับการใช้งานเต็มรูปแบบหรือไม่
ทั้งนี้ อยากจะฝากให้ประชาชนทั่วไปร่วมตระะหนักรู้ถึงความสำคัญของการประหยัดพลังงานมากขึ้น และหน่วยงานภาครัฐเอง ก็ควรปรับรูปแบบการประชาสัมพันธ์มาตรการประหยัดพลังงานให้เข้าถึงประชาชนได้ง่ายขึ้น เพื่อที่จะได้เข้าถึงคนทุกกลุ่ม เช่น การนำเรื่องแอพลิเคชันเข้ามาใช้ ตลอดจนการออกมาตรการกึ่งบังคับเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการประหยัดพลังงาน