จับตา พาณิชย์ ต่อ-ไม่ต่ออายุยกเว้นเก็บอากรเอดีเหล็กทำกระป๋อง 2 ชนิด

จับตา พาณิชย์ ต่อ-ไม่ต่ออายุยกเว้นเก็บอากรเอดีเหล็กทำกระป๋อง 2 ชนิด

"จุรินทร์" เตรียมถก ทตอ. 10 พ.ย.เคาะต่ออายุยกเว้นเก็บอากรเอดีเหล็กทำกระป๋อง 2 ชนิด ทั้งทินเพลต-ทินฟรี หลังยกเว้นเก็บมาแล้ว 1 ปี ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เผยหากไม่ต่ออายุ ขอเปิดนำเข้าเพื่อให้สามารถแข่งขันได้

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เปิดเผยว่า เดือนพ.ย.นี้ จะสิ้นสุดระยะเวลาที่กระทรวงพาณิชย์ยกเว้นการเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) สินค้าเหล็กที่ใช้ทำกระป๋องบรรจุอาหาร 2 ชนิด ได้แก่ เหล็กแผ่นชุบหรือเคลือบด้วยโครเมียมทั้งชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (ทินฟรี) ที่นำเข้าจากจีน เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป (อียู) และเหล็กแผ่นชุบหรือเคลือบด้วยดีบุกทั้งชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (ทินเพลต) จากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอียู หลังจากได้ยกเว้นการเก็บมาแล้ว 2 ครั้งๆ ละ 6 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ย.64 รวมเวลา 1 ปี ซึ่งส่งผลให้การแข่งขันของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ไม่เปรียบเสียเปรียบคู่แข่งอื่นที่ใช้เหล็กทั้ง 2 ชนิดเหมือนกัน  

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ใช้เหล็ก 2 ชนิด เช่น ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ผู้ผลิตกระป๋องบรรจุอาหาร รวมถึงผู้นำเข้าแผ่นเหล็กทั้งแบบที่ยังไม่เคลือบโครเมียมและดีบุก และผู้นำเข้าแผ่นเหล็กแบบที่เคลือบโครเมียมและดีบุกแล้ว ได้หารือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหาทางออกร่วมกันแบบให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้หากกระทรวงพาณิชย์ไม่ต่ออายุยกเว้นการเก็บอากรเอดีทินเพลต และทินฟรีอีกแล้ว

โดยผู้ผลิตเหล็กที่มีกำลังการผลิต 300,000 ตันต่อปี จากความต้องการใช้ในประเทศ 600,000 ตันต่อปี ยังคงทำธุรกิจต่อไปได้  และไม่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเหล็ก ที่ยังขาดแคลนอยู่อีก 300,000 ตัน ขณะที่ผู้ใช้ อย่าง กลุ่มอาหารสำเร็จรูป ยังแข่งขันในตลาดโลกได้โดยไม่เสียเปรียบคู่แข่ง ที่ไม่ถูกเรียกเก็บอาการเอดีทินเพลต และทินฟรี 

ที่ผ่านมา ผู้ผลิต ผู้ใช้ คุยกันมาตลอด โดยมีรัฐเป็นตัวกลาง ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกัน อย่างน้อยกำลังการผลิตในประเทศ ก็ต้องซื้อเขาทั้งหมด ส่วนที่ยังขาดอยู่ก็อาจปล่อยให้นำเข้าตามธรรมชาติ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถส่งออกสินค้าไปแข่งขันกับตลาดโลกได้ ถ้าเป็นแบบนี้ได้ ทุกฝ่ายจะวิน วิน ไม่มีใครต้องเจ็บตัว ไม่เสียการแข่งขัน ไม่เสียตลาด โดยขณะนี้ ราคาเหล็กในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับราคาพลังงาน แม้ราคาลดลงบ้างแล้ว แต่ยังเป็นแรงกดดันด้านต้นทุนผลิตของผู้ใช้เหล็กอยู่”   

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วันที่ 10 พ.ย.นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) โดยจะพิจารณาว่า ยังจำเป็นหรือไม่ที่จะต่ออายุการยกเว้นเรียกเก็บอากรเอดี ทินฟรี ที่นำเข้าจากจีน เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป (อียู) รวม 8 รายการ และทินเพลตจากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอียู รวม 8 รายการ เพราะการยกเว้นเก็บอากรเอดีจะสิ้นสุดวันที่ 12 พ.ย.65  

ทั้งนี้ หาก ทตอ. ไม่ต่ออายุเป็นครั้งที่ 3 เหล็กทั้ง 2 ชนิด จาก 4 ประเทศต้องถูกเรียกเก็บอากรเอดี เป็นเวลา 5 ปี จนถึงเดือนพ.ย.69  โดยทินฟรีจากจีน จะถูกเรียกเก็บที่ 0-24.73% ของราคาซี ไอ เอฟ (ราคาสินค้ารวมค่าประกันภัยและค่าขนส่ง) เกาหลีใต้ 0-17.06% และยุโรป 18.52% เมื่อครบ 5 ปี ทตอ.จะพิจารณาใหม่ว่ายังจำเป็นต้องเก็บอากรเอดีต่อหรือไม่ ถ้าไม่จำเป็นจะยกเลิก ส่วนทินเพลตจากจีน ให้เก็บ 0-17.46% เกาหลีใต้ 0-22.67% ไต้หวัน 4.28-20.45% และยุโรป 5.82% จนถึงเดือนพ.ย.69 และทบทวนใหม่หลังครบ 5 ปี 

สำหรับสาเหตุยกเว้นเก็บเอดีทั้ง 2 ครั้ง เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนให้ผู้ใช้เหล็กทั้ง 2 ชนิด และผู้บริโภค เพราะหากเก็บอากร จะทำให้ต้นทุนของผู้ใช้ที่มีจำนวนมาก ในหลากหลายอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร จนอาจต้องขึ้นราคาขาย กระทบผู้บริโภค เพราะปัจจุบันต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นมากอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุการเก็บอากร เพราะเหล็ก 2 ชนิด จาก 4 ประเทศมีการทุ่มตลาดในไทย (ตั้งราคาขายในไทยต่ำกว่าราคาขายในประเทศผู้ผลิต) จนผู้ผลิตไทยเสียหาย จึงเรียกเก็บอากร 5 ปี แต่เนื่องจากมีผู้ใช้จำนวนมาก อาจกระทบต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค ทตอ.จึงยกเว้นการเก็บอากร 6 เดือน วันที่ 13 พ.ย.64- 12 พ.ค.65 และต่ออายุเป็นครั้งที่ 2 อีก 6 เดือน วันที่ 13 พ.ค.-12 พ.ย.65