เปิดเวทีเจรจาธุรกิจไทย-ซาอุฯ คาดดึงดูดเงินลงทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์
กระทรวงต่างประเทศ จับมือ อีอีซี และภาคเอกชนไทย ต้อนรับรัฐมนตรีกระทรวงการลงทุน และคณะนักธุรกิจ ซาอุดีฯ กว่า 150 คน เชื่อมสัมพันธ์การทูตขับเคลื่อนการลงทุนเป็นรูปธรรม คาดลงทุนสะพัดหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
และ นายคาหลิด อับดุลอะซีซ อัลฟาลิฮ์ (Mr. Khalid Abdulaziz Al-Falih) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีอาระเบีย (MISA) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุม “Thai – Saudi Investment Forum” ซึ่งเป็นเวทีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจร่วมกันของสองประเทศต่อเนื่อง
โดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ (ก.ต.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) อีกทั้งได้รับเกียรติจากกระทรวงการลงทุนซาอุดิฯ (MISA) นำคณะนักธุรกิจกว่า 150 คน เข้าร่วมกับภาคเอกชนไทย
ถือเป็นโอกาสในการประกาศความพร้อมด้านเศรษฐกิจของไทย สร้างโอกาสการลงทุน การจับคู่ธุรกิจเป้าหมาย (Business matching) จากภาคเอกชนทั้งสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) นายคณิศแสงสุพรรณ ประธานที่ปรึกษา อีอีซี พร้อมด้วยผู้บริหารจาก กกร. อาทิ นายสนั่น อังอุบลกูลประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) และนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทยและผู้แทนกลุ่มธุรกิจไทย-ซาอุดิฯ เข้าร่วมงาน
ทั้งนี้ การประชุม Thai – Saudi investment Forum ครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญ เพื่อนำเสนอถึงยุทธศาสตร์การลงทุน การส่งเสริมการค้าการลงทุนภาคเอกชน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อผลักดันการลงทุนร่วมไทย - ซาอุดีฯ พร้อมกันนี้ ยังเป็นเวทีให้นักลงทุนทั้งสองฝ่ายได้เจรจาธุรกิจการลงทุนร่วมกัน ซึ่งเบื้องต้นได้ผลักดันให้เกิดการลงนาม MOU การค้าการลงทุนจากภาคเอกชนไทยและซาอุดีฯ รวม 8 ฉบับ ในกลุ่มธุรกิจแปรรูปอาหาร ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
รวมทั้งยังได้เปิดเวทีสร้างความร่วมมือภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายสนับสนุนการลงทุนในกลุ่มธุรกิจเป้าหมายของ อีอีซี และซาอุดิฯ ที่สำคัญๆ อาทิ กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Wellness)
กลุ่มอุตสาหกรรมการก่อสร้างเมืองใหม่แห่งอนาคต และกลุ่มธุรกิจด้านพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือร่วมลงทุนไทย – ซาอุดีฯ เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมจับคู่นักธุรกิจไทยและซาอุดิ (Business Matching) มากกว่า 500 คู่เจรจา และคาดเกิดมูลค่าการค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% หรือมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ และสร้างการลงทุนใหม่ระหว่างกัน 10,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2565 พร้อมขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายร่วมกัน ยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งสองประเทศให้เข้มแข็ง
พร้อมกันนี้ ยังถือเป็นเวทีประกาศความพร้อมการเป็นเจ้าภาพเอเปคของประเทศไทยและเตรียมให้การต้อนรับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดิอาระเบีย ที่จะสานความสัมพันธ์ของสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป
สำหรับสถานการณ์การค้าการลงทุน ซาอุดีฯ ถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ระดับโลก เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันเป็นสินค้าหลัก ในปี 2021 ที่ผ่านมา มีมูลค่า GDP สูงถึงประมาณ 8.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าที่ไทยมีศักยภาพส่งออกไปยังซาอุดีฯ ได้แก่ กลุ่มอาหารและสินค้าเกษตร ยาง สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักรกล เป็นต้น
ส่วนอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพไปลงทุนในซาอุดีฯ ได้แก่ สาขาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สปาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างการแปรรูปอาหาร และสาขาที่ซาอุดีฯ สนใจลงทุนในไทย อาทิ สาขาท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Wellness) การก่อสร้างเมืองใหม่และ e-mobility ปิโตรเคมีและอุตสาหกรรม Conversion พลังงานทดแทน และการลงทุนในเขตนวัตกรรม EECi เป็นต้น
โดยการจัดงานฯ ครั้งนี้ นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จของรัฐบาลไทย ที่ได้ยกระดับสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตทั้งสองประเทศ จากจุดเริ่มที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเยือนซาอุดีฯ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 และได้เข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารซาอุดิอาระเบีย นำมาซึ่งการส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติ เกิดการต่อยอดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ อาทิ การลงนามความตกลงด้านแรงงาน โดยกระทรวงแรงงาน สร้างโอกาสให้แรงงานไทยไปทำงานและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่ซาอุดีฯ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
รวมถึง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นำคณะภาครัฐและภาคเอกชนไทยเดินทางเข้าร่วมฟอรั่มการลงทุนซาอุฯ-ไทย สร้างโอกาสการลงทุนนวัตกรรมเทคโนโลยด้านพลังงาน ด้านการท่องเที่ยว รวมไปถึงคณะของรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ได้นำนักธุรกิจไทย สานต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกันทั้งสองประเทศเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม