ข้าวหอมมะลิไทย ไม่หอม ทำเสียแชมป์"ข้าวที่ดีที่สุดในโลก"ให้ข้าวเขมร
ข้าวหอมมะลิไทย เสียแชมป์ “ข้าวที่ดีที่สุดในโลก” ให้กับข้าวผกาลำดวน จากกัมพูชา เหตุกลิ่นหอมน้อยกว่า ผู้ส่งออก จี้รัฐเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวไทย เพื่อให้แข่งขันได้ ส่วนปีนี้ ส่งออกได้แน่ 7.5 ล้านตัน ปีหน้า คาด 8 ล้านตัน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงผลการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก ปี 65 (The World’s Best Rice 2022) ในระหว่างการประชุมข้าวโลก ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 17 พ.ย.65 ว่า ข้าวหอมมะลิผกาลำดวน จากกัมพูชา สามารถคว้ารางวัลข้าวที่ดีที่สุดในโลกไปครอง ทำให้กัมพูชาครองแชมป์เป็นครั้งที่ 5 ส่วนข้าวหอมมะลิไทย เสียแชมป์ ได้เป็นอันดับ 2 อันดับ 3 คือ ข้าวหอมจากเวียดนาม และอันดับ 4 ข้าวหอมจากลาว โดยปีนี้ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ส่งข้าวหอมมะลิจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าประกวดเพียง 1 ตัวอย่าง จากทั้งหมดกว่า 20 ตัวอย่างจากผู้เข้าประกวดทั้งไทย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ลาว อินเดีย ปากีสถาน จีน และสหรัฐฯ
“ข้าวไทย และกัมพูชา เข้ารอบสุดท้ายเพียง 2 ชาติ แต่น่าเสียดายว่า ข้าวหอมมะลิไทย แพ้ข้าวหอมผกาลำดวน กัมพูชา เป็นการแพ้แบบสูสีมาก ห่างกันเพียง 1 คะแนน จากการสอบถามกรรมการตัดสิน ซึ่งเป็นเชฟใหญ่จากสหรัฐฯ บอกว่า แพ้กันที่กลิ่น หลังการหุงแล้ว ข้าวผกาลำดวน กลิ่นหอมมาก แต่ข้าวหอมมะลิไทย กลิ่นอ่อนมาก”
ทั้งนี้ น่าแปลกใจว่า ปีนี้ ข้าวหอมมะลิไทย กลิ่นไม่หอมเหมือนปกติ หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน อาจจะเพราะน้ำมาก ฝนตกชุก ทำให้ข้าวไม่ได้สร้างกลิ่นที่แรงเหมือนปีก่อนที่ข้าวหอมมะลิไทย ชนะเลิศ เพราะมีกลิ่นหอมมาก แต่ไม่เป็นไร ปีหน้า สมาคมจะคัดสรรข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดส่งเข้าประกวดอีก
นายชูเกียรติ กล่าวว่า การเสียแชมป์ครั้งนี้ เป็นสัญญาณเตือนว่า ไทยควรปรับปรุงพันธุ์ข้าวเก่าให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเพิ่มผลผลิตต่อไรให้มากขึ้น ลดการใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมี ไม่เช่นนั้น ไทยจะไม่สามารถแข่งขันกับข้าวหอมของเพื่อนบ้านได้แน่นอน เพราะในช่วงหลายปีมานี้ เพื่อนบ้าน ทั้งเวียดนาม เมียนมา กัมพูชา ลาว พัฒนาพันธุ์ข้าวหอม ให้มีคุณภาพดีขึ้นมาก และสามารถแข่งขันกับข้าวหอมมะลิของไทยได้แล้ว โดยเฉพาะในตลาดสหภาพยุโรป (อียู) ที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่ข้าวไทยต้องเสียภาษี
“คาดว่า ฤดูการผลิตปี 65/66 ข้าวหอมมะลิไทย และข้าวหอมผกาลำดวน จะแข่งขันกันอย่างรุนแรงในด้านส่งออกแน่นอน เพราะผลผลิตเพิ่มขึ้นมากเหมือนกัน และราคาอาจจะลดลง ล่าสุด ข้าวหอมมะลิไทย ราคาส่งออกตันละ 750 ดอลลาร์ ส่วนผกาลำดวน ตันละ 720 ดอลลาร์แต่เมื่อได้รางวัล ราคาคงขยับขึ้นอีก”
ขณะเดียวกัน ภาครัฐต้องเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ๆ โดยเฉพาะ ข้าวขาวพื้นนุ่ม ที่มีความนุ่มมากกว่าข้าวขาวทั่วไป เพื่อป้อนตลาดที่นิยมบริโภคข้าวนุ่มจากเวียดนามมากขึ้น ทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จีน ซึ่งสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย พยายามผลักดันให้รัฐหันมาสนใจพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มากขึ้น จากอดีตที่สนใจแต่ด้านราคาเป็นหลัก จึงไม่ทำให้อุตสาหกรรมข้าวของไทยแทบไม่ได้รับการพัฒนาเลย
สำหรับ การส่งออกข้าวไทยปีนี้ คาดว่า จะได้ถึง 7.5 ล้านตัน เพราะไทยกลับมาส่งออกไปอิรักได้มากขึ้นนับล้านตัน ทำให้คาดว่า การส่งออกเดือนพ.ย.-ธ.ค.65 จะได้เฉลี่ยเดือนละ 800,000 ตัน และจะส่งออกได้ระดับนี้ไปจนถึงปี 66 คาดว่า ปี 66 น่าจะส่งออกได้ถึง 8 ล้านตัน เพราะมีผลผลิตมากขึ้น น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ค่าเงินบาทไม่แข็งค่าเกินไปที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ราคาข้าวไทยไม่ห่างจากคู่แข่งมากนัก หรือห่างกันตันละ 20-25 ดอลลาร์ จากที่ผ่านมา 70-80 เหรียญฯ คาดว่า ปีหน้า ราคาข้าวขาวไทย น่าจะเคลื่อนไหวตันละ 410-450 ดอลลาร์ ส่วนข้าวขาวเวียดนาม 400 ดอลลาร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก ข้าวหอมมะลิไทย เป็นแชมป์ถึง 7 ครั้ง โดยการประกวดครั้งแรกปี 52 ข้าวหอมมะลิไทย เป็นแชมป์โลก, ปี 53 ไทย, ปี 54 เมียนมา, ปี 55 กัมพูชา, ปี 56 กัมพูชาร่วมกับสหรัฐฯ, ปี 57 ไทยร่วมกับกัมพูชา, ปี 58 สหรัฐฯ, ปี 59 ไทย, ปี 60 ไทย, ปี 61 กัมพูชา, ปี 62 เวียดนาม, ปี 63 ไทย, ปี 64 ไทย
สำหรับการประกวดนั้น กรรมการจะเป็นเชฟชื่อดังจากหลายประเทศ โดยจะพิจารณาข้าวก่อนหุง และหลังหุง ซึ่งก่อนหุง จะพิจารณาลักษณะทางกายภาพ ลักษณะของเมล็ด ยาว เรียว สวย ไม่แตกหัก ส่วนหลังหุง จะเป็นการชิมแบบไม่บอกว่าเป็นข้าวของประเทศใด (Blind Taste) ซึ่งปีนี้ ข้าวหอมมะลิไทย และผกาลำดวน กัมพูชา มีความนุ่มเหมือนกัน แต่กลิ่นข้าวหอมมะลิไทยน้อยกว่า จึงเสียแชมป์ไป