ปลัดกระทรวงพาณิชย์ คนใหม่ ประกาศนโยบาย 9 ข้อขับเคลื่อนงานพาณิชย์
“กีรติ รัชโน”ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้านโยบาย 9 ข้อ ขับเคลื่อนงานพาณิชย์ ลดภาระค่าครองชีพ กำกับดูแลราคาสินค้า เร่งรัดส่งออกและค้าชายแดน เร่งเจรจา FTA พัฒนาระบบบริการประชาชน ส่งเสริม SMEs เร่งรัดจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ส่งเสริม Soft Power และพัฒนากำลังคน
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง แนวทางนโยบายการขับเคลื่อนกระทรวงพาณิชย์หลังเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้วางนโยบายการทำงานไว้ 9 ข้อ ประกอบด้วย
1.ลดภาระค่าครองชีพ กำกับดูแลราคาสินค้าและบริการ จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน โครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 20 Lot ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ Lot 21 และจะทำเพิ่มเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยกำลังอยู่ระหว่างการหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะเน้นการดูแลราคาสินค้าให้เป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้ผลิตและผู้บริโภคโดยให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
2.บริหารจัดการสินค้าเกษตร การตลาดนำการผลิต โดยจะบริหารจัดการสินค้าเกษตรตามความต้องการของตลาด โดยจะดูความต้องการของตลาดและมาแจ้งกับเกษตรกรให้ผลิตตามที่ตลาดต้องการ ไม่ใช่ผลิตตามที่ตัวเองถนัด เพราะทำตลาดได้ยาก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยในส่วนนี้ โดยในเรื่องของสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว มัน ไม่น่าจะมีปัญหา ตลาดยังไปได้ ส่วนข้าวโพด ก็ยังไปได้ดีอยู่ รวมถึงปาล์มน้ำมัน
3. การเร่งรัดการส่งออก และการค้าชายแดน ซึ่งขณะนี้ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้มีการหารือกับภาคเอกชนประเมินเป้าส่งออกปี 66 อยู่ว่าจะเป็นเท่าร คาดว่าภายใน 1-2 อาทิตย์จะมีความชัดเจน อย่างไรก็ตามปีหน้าตลาดส่งออกของไทยมีความผันผวนจากสถานการณ์ เศรษฐกิจโลกที่ถดถอยคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะส่งออกยังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ส่วนการค้าชายแดน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเร่งเปิดด่านชายแดนเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมี 97 ด่าน เปิดไปแล้ว 71 ด่าน
4.เร่งรัดการเจรจาเอฟทีเอ ปัจจุบันไทยมีเอฟทีเอ 14 ฉบับ 18 ประเทศ ซึ่งปีหน้าก็จะเร่งเปิดเจรจาแอฟทีอที่คั่งค้าง อาทิ เอฟทีเออาเซียน-แคนาดา เอฟทีเอไทย-เอฟต้า เอฟทีเอไทย-ปากีสถาน เอฟทีไทย-ตุรกี และอื่นๆส่วนเอฟทีกับประเทศอื่นก็ขึ้นดูความพร้อมของประเทศเพื่อนบ้านด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องทำคือ การส่งเสริมการใช้ประโยชย์จากเอฟทีเอให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะความตกลงอาร์เซ็ปและเอฟทีเออื่นๆ
นายกีรติ กล่าวว่า 5.พัฒนาระบบการบริการประชาชน จะผลักดันการจดทะเบียนธุรกิจ บริการด้านทรัพย์สินทางปัญญา บริการข้อมูลการค้าในประเทศและต่างประเทศ และบริการสารสนเทศและกิจกรรมกระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นออนไลน์ทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
6.ส่งเสริม พัฒนา SME/MSME โดยจะจัดสัมมนาเสริมความรู้ผ่านโครงการต่างๆของกรม ผ่านทางระบบออนไลน์และออฟไลน์
7.เร่งรัดการจดทะเบียนและการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญา จะเร่งรัดการจดทะเบียนให้เร็วขึ้น โดยนำระบบไอทีเข้ามาช่วย ใช้ AI เข้ามาทำงานแทนคน และจะเร่งส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เช่น สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)
8.ส่งเสริมภาคการผลิต /บริการผ่านการใช้Soft Power หรือซอฟพาวเวอร์ ประกอบไปด้วย 4 กลุ่มสำคัญ 1. อาหาร ร้านอาหารไทย 2. สุขภาพ ความงาม 3. สินค้าสร้างอัตลักษณ์ไทย แฟชั่น ของตกแต่งบ้าน 4. ดิจิทัลคอนเทนด์ เช่น ละคร หนัง เกมส์ แอนนิเมชั่น เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ โดยจะประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน ที่จะเป็นหัวหอกหลักเพราะภาคเอกชนมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด
9. Back Office เพื่อรองรับภารกิจที่ประชาชนคาดหวังจากกระทรวงพาณิชย์ เพราะปัจจุบันนี้ กระทรวงพาณิชย์มีกำลังคนไม่เพียงพอ ซึ่งได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูในเรื่องนี้แล้ว จะมาหาคำตอบว่าขาดคนเท่าไร ต้องการเพิ่มจุดไหน และโครงสร้างการบริหารงานบุคคลปัจจุบันเหมาะสมหรือไม่ และจะนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป