ดัชนีผาสุกเกษตรกร ปี 64 ลดลง แตะ 81.10% แต่ยังพัฒนาในระดับดี
สศก. เคาะตัวเลขดัชนีผาสุกเกษตรกร ปี 64 อยู่ที่ระดับ 81.10 พัฒนาในระดับดี แต่ลดลงจากปี 62 จากการฟื้นฟูทรัพยากรดินมีน้อย ภาคกลางนำโด่งที่ระดับ 82.33 รองลงมา ตำสุดอีสาน ระดับ 80.54เผย ขณะยังต้องปรับปรุงแก้ไขด้านสิ่งแวดล้อม-การศึกษา
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงผลการศึกษาดัชนีความผาสุกของเกษตรกรไทย ว่า ที่ผ่านมา สศก. ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความผาสุกของเกษตรกรเป็นประจำทุกปี และใช้เป็นตัวชี้วัดของแผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2565) ซึ่งมีเป้าหมายหลัก คือ ความผาสุกของเกษตรกรเพิ่มขึ้น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจการเกษตรเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ
ดัชนีความผาสุกของเกษตรกร ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ
- ด้านเศรษฐกิจ
- ด้านสุขอนามัย
- ด้านการศึกษา
- ด้านสังคม
- ด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณดัชนี เป็นข้อมูลจากการสำรวจของหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรกรมการพัฒนาชุมชน กรมป่าไม้ กรมพัฒนาที่ดิน และสำนักงานสถิติแห่งชาติ จึงทำให้ข้อมูลล่าช้าไป 1 ปี และนำมาคำนวณ
โดยประยุกต์จากสูตรดัชนีความยากจนของคน (Human Poverty Index: HPI) ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) อย่างไรก็ตาม การจัดทำดัชนีความผาสุกของเกษตรกรในปี 2564 สศก. ได้นำมาเปรียบเทียบกับปี 2562 ซึ่งจากเดิมต้องเปรียบเทียบกับปี 2563 เนื่องมาจากสาเหตุการระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรง ทำให้บางหน่วยงานไม่สามารถลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลพื้นฐานบางตัวที่ใช้ในการคำนวณดัชนีความผาสุกของเกษตรกร ปี 2563 ได้
ดัชนีความผาสุกของเกษตรกร ระดับประเทศ ในปี 2564 มีค่าอยู่ที่ระดับ 81.10 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดี ลดลงจากปี 2562 ซึ่งมีค่าอยู่ที่ระดับ 81.48
เมื่อพิจารณาดัชนีความผาสุกของเกษตรกรในแต่ละภูมิภาค ในปี 2564 พบว่า
- ภาคกลางมีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 82.33
- ภาคใต้อยู่ที่ระดับ 82.23
- ภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 81.12
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 80.54
ซึ่งทุกภาคมีการพัฒนาอยู่ในระดับดี โดยมีรายละเอียดในแต่ละด้าน ดังนี้
ดัชนีด้านสุขอนามัย ปี 2564 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 98.77 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก ใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 98.79
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 99.22
- ภาคกลางมีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 98.98
- ภาคเหนือมีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 98.21
- ภาคใต้มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 97.78
ซึ่งทุกภาคมีการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายส่งเสริมการผลิตสินค้าที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพการให้ความรู้เพื่อสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยของอาหาร และการดำเนินการส่งเสริมสุขภาพและการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมบริเวณที่พักอาศัยตามหลักสุขาภิบาลให้เอื้อต่อการมีสุขภาพดี ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข
ดัชนีด้านสังคม ปี 2564 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 92.64 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก ใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งมีค่าอยู่ที่ระดับ 92.67
- ภาคกลาง มีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 94.98
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 92.37
- ภาคเหนือ มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 92.36
- ภาคใต้ มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 90.39 ซึ่งทุกภาคมีการพัฒนาอยู่ในระดับดีมาก
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเตรียมแผนรองรับจำนวนผู้สูงอายุที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545-2565) ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้อยู่กับครอบครัว มีค่านิยมในการอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุ และสมาชิกในครอบครัวและผู้ดูแล มีศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุ และยังมีโครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร รวมถึงจูงใจคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรมากขึ้น
ดัชนีด้านเศรษฐกิจ ปี 2564 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 77.31 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 75.58
- ภาคใต้ มีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 86.28 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับดี
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 78.60
- ภาคกลาง มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 76.96 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง
- ภาคเหนือ มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 69.15 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง
แม้ว่า จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งในบางพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ภาครัฐได้ดำเนินนโยบายและมาตรการในการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง อาทิ เพิ่มทักษะการประกอบอาชีพ การพัฒนาช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร รวมทั้งการประกันรายได้เกษตรกร ทำให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้ออกสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
ดัชนีด้านสิ่งแวดล้อม ปี 2564 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 64.49 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง ลดลงจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 69.60
- ภาคเหนือ มีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 77.48 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง
- ภาคกลาง มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 66.24
- ภาคใต้ มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 60.74 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 57.08 เป็นการพัฒนาอยู่ระดับต้องเร่งแก้ไข
เป็นผลจากปี 2564 มีพื้นที่ได้รับการฟื้นฟูทรัพยากรดิน 2.02 ล้านไร่ ลดลงจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 2.67 ล้านไร่ขณะที่สัดส่วนพื้นที่ป่าต่อพื้นที่ทั้งหมดของประเทศลดลงเช่นกัน เนื่องจากภาครัฐดำเนินการจัดที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าภายใต้โครงการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ให้กับชุมชน เพื่อทำเกษตรกรรมและเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ในชุมชน
ดัชนีด้านการศึกษา ปี 2564 ภาพรวมระดับประเทศมีค่าอยู่ที่ระดับ 56.28 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 55.09 แต่ยังคงเป็นการพัฒนาที่อยู่ในระดับต้องเร่งแก้ไข
- ภาคใต้ มีค่าดัชนีมากที่สุดอยู่ที่ระดับ 62.19 รองลงมาเป็นภาคกลางมีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 60.15 ซึ่งเป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 56.03
- ภาคเหนือ มีค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 51.67 เป็นการพัฒนาอยู่ในระดับต้องเร่งแก้ไข
ทั้งนี้ เนื่องจากสมาชิกครัวเรือนเกษตรส่วนใหญ่ในทุกภาคได้รับการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จึงมีผลต่อการปรับตัวและขาดองค์ความรู้ในการเพิ่มผลิตภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรม
ดร.ทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเสริมว่า จากการศึกษาและจัดทำดัชนีความผาสุกเกษตรกร สศก. ได้สรุปข้อเสนอแนะในการพัฒนาแต่ละด้าน ดังนี้
ด้านการศึกษา ควรดำเนินการสนับสนุนและส่งเสริมให้สมาชิกครัวเรือนเกษตรได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น ตลอดจนให้เกษตรกรได้รับการฝึกอบรมที่สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการทำเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการผลิต
ด้านสิ่งแวดล้อม ควรดำเนินการส่งเสริมการฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม การปลูกสวนป่าชุมชน และป่าเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ ด้านเศรษฐกิจ ควรเร่งจัดสรรที่ดินทำกินให้ครัวเรือนเกษตรที่มีกรรมสิทธิ์การถือครองที่ดินในระดับต่ำ โดยเฉพาะภาคกลางและภาคเหนือ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดินและเพิ่มความมั่นคงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ส่งเสริมให้ครัวเรือนเกษตรทำการเกษตรแบบผสมผสานเพื่อลดความเสี่ยงและความผันผวนด้านรายได้จากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว และส่งเสริมการจัดทำบัญชีครัวเรือนเกษตรและบัญชีฟาร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถวางแผนการลงทุนทางการเกษตรได้อย่างเป็นระบบ
ด้านสังคม ควรดำเนินการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องให้เกษตรกรรายย่อยรวมกลุ่มในรูปแบบแปลงใหญ่/สหกรณ์/วิสาหกิจชุมชน โดยเฉพาะครัวเรือนในภาคใต้ เพื่อบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงประสบการณ์ระหว่างกัน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การแปรรูป และการตลาด รวมถึงลดต้นทุนจากการใช้ปัจจัยการผลิตและวางแผนการตลาดร่วมกัน นำไปสู่การเพิ่มอำนาจต่อรองให้เกษตรกร
ด้านสุขอนามัย ควรดำเนินการสนับสนุนและส่งเสริมด้านการขับเคลื่อนอาหารปลอดภัย มีคุณภาพ และได้รับการรับรองมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการสุขาภิบาลที่พักอาศัย และสิ่งแวดล้อมในหมู่บ้านและชุมชน ทั้งนี้ ท่านที่สนในข้อมูลผลการศึกษาดัชนีความผาสุกของเกษตรกร สามารถสอบถามได้ที่ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาเกษตรกรและองค์กรเกษตรกร