ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิ่ม 96 เซนต์ รับความหวังจีนเปิดประเทศ
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันอังคาร(29พ.ย.) พุ่งขึ้น 96 เซนต์ จากความหวังที่ว่าจีนจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และจะกลับมาเปิดประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยเพิ่มความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ บวก 96 เซนต์ ปิดที่ 78.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 83.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนแถลงในวันนี้ว่า จีนจะส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเปิดประเทศ หลังจากรัฐบาลบังคับใช้มาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวดผ่านนโยบายโควิดเป็นศูนย์
ขณะเดียวกัน ทางการกรุงปักกิ่งประกาศยกเลิกการตั้งสิ่งกีดขวางทางเข้าอพาร์ทเมนท์ซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ภายใน โดยระบุว่าจะต้องไม่มีสิ่งใดเป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ หรือการออกจากอาคารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนเมืองกว่างโจวประกาศงดการปูพรมตรวจเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่สำหรับประชาชนในวงกว้าง
โดยอ้างถึงความจำเป็นในการรักษาทรัพยากร ขณะที่เมืองอุรุมชี เมืองหลวงของซินเจียง ประกาศเปิดตลาดสดและอนุญาตให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดทำการในสัปดาห์นี้สำหรับท้องที่ซึ่งมีการแพร่ระบาดในระดับต่ำ รวมทั้งให้บริการรถโดยสารสาธารณะ
มาตรการผ่อนคลายดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ชาวจีนพากันรวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองต่างๆ ซึ่งรวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง เมืองอู่ฮั่น เฉิงตู ซีอาน และนานกิง เพื่อประท้วงต่อการที่รัฐบาลยังคงล็อกดาวน์เมืองต่างๆเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม
นอกจากนี้ ประชาชนแสดงความไม่พอใจที่เกิดเหตุการณ์ผู้เสียชีวิตถึง 10 รายจากเหตุเพลิงไหม้ในอาคารแห่งหนึ่งที่เมืองอุรุมชี ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล และทำให้มีการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออกจากตำแหน่ง
ราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่สหภาพยุโรป (อียู) ยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 4 ธ.ค. เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงในจีน