'สุพัฒนพงษ์' จี้กกพ.เร่งสรุปค่าไฟงวดใหม่
ความคืบหน้าการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวด ม.ค.-เม.ย. 66 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเป็นผู้พิจารณาประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการลดภาระค่าไฟช่วงวิกฤตพลังงานชั่วคราว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ระบุ ความคืบหน้าการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวด ม.ค.-เม.ย. 66 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเป็นผู้พิจารณาประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการลดภาระค่าไฟช่วงวิกฤตพลังงานชั่วคราว โดยเน้นการบริหารก๊าซฯ เช่นจัดสรรก๊าซอ่าวไทยใช้สำหรับการผลิตไฟให้ประเภทบ้านที่อยู่อาศัยก่อน พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือ บมจ.ปตท.จัดสรรเงินราว 6,000 ล้านบาท (ม.ค.-เม.ย. 66) มาดูแลต้นทุนเชื้อเพลิงผลิตไฟและก๊าซหุงต้ม (LPG)
ดังนั้น แนวทางนี้จะช่วยตรึงค่าไฟฟ้าให้บ้านที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ ทั้งนี้ กพช.ได้กำหนดแนวทางที่จะไปช่วยเหลือการลดค่าไฟฟ้าลงโดยเฉพาะการช่วยเหลือประเภทบ้านที่อยู่อาศัยซึ่งใช้ไฟไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งจะทำให้ค่าไฟภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมไม่เท่ากันแต่เราก็ทำแค่ชั่วคราว ดังนั้นทาง กกพ.เองจะเป็นผู้พิจารณาเพื่อที่จะให้ประชาชนได้เตรียมตัว
ตรึงดีเซล 35 บาทต่อลิตร
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสได้คงการลดกำลังการผลิตไว้ที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อวันตามเดิม อย่างไรก็ตามคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ยังคงติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดโดยในส่วนของราคาขายปลีกดีเซลยังคงตรึงไว้ที่ 35 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ แม้ว่าราคาตลาดโลกจะลดลงจนทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถเรียกเก็บเงินเข้าสะสมได้ราว 3 บาทต่อลิตรเนื่องจากฐานะกองทุนน้ำมันฯสุทธิยังคงติดลบ 129,426 ล้านบาทแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 87,237 ล้านบาท บัญชีแอลพีจีติดลบ 44,189 ล้านบาท
ราคาดีเซล แม้ว่าเริ่มเก็บเงินเป็นบวกเฉลี่ย 3 บาทต่อลิตร แต่ไม่ได้ลดราคาขายปลีกให้ประชาชนเพราะอย่าลืมว่ายังมีภาระหนี้กองทุนฯและที่สำคัญยังลดภาษีสรรพสามิตให้อีก 5 บาทต่อลิตร และราคา 34.94 บาทต่อลิตรหรือ 35 บาทนี้ถือว่าต่ำกว่าเพื่อนบ้านมากแล้วระหว่างนี้จึงยังไม่สามารถปรับราคาขายปลีกลงได้ คงต้องติดตามราคาตลาดโลกอีกระยะเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อภาระในอนาคต
ดันนโยบายอนุรักษ์พลังงาน
กระทรวงพลังงานได้เร่งผลักดันนโยบายการอนุรักษ์พลังงานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ ซึ่งถือเป็นภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานสูงให้เกิดการใช้พลังงานอย่างประสิทธิภาพ โดยการประกาศเจตนารมณ์จากภาครัฐและเอกชนทั้ง 70 องค์กรในวันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญให้เกิดการสร้างเครือข่ายด้านอนุรักษ์พลังงาน สร้างความร่วมมือการให้คำปรึกษา ให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ จากมาตรการที่หน่วยงานแต่ละแห่งจะดำเนินการเพื่อการอนุรักษ์พลังงานนั้น นอกจากจะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในองค์กรแล้ว คาดว่าจะส่งผลในภาพรวมเกิดการลดใช้ไฟฟ้าได้กว่า 675 ล้านหน่วย/ปี ลดค่าใช้จ่ายการนำเข้าพลังงานของประเทศได้สูงถึง 5,400 ล้านบาท/ปี เทียบเท่าแอลเอ็นจี 90,000 ตัน บรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 296,000 ตันคาร์บอน/ปี อีกทั้งช่วยขับเคลื่อนนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ให้ได้ในปี ค.ศ. 2050
ด้านอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ระบุ การประกาศเจตนารมณ์เครือข่ายอนุรักษ์พลังงาน “Energy Beyond Standards” พพ. ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาชิกสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย สมาชิกสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และองค์กรชั้นนำรวมทั้งสิ้นจำนวน 70 แห่ง อาทิ กลุ่มบริษัท เครือปตท. เครือเซ็นทรัล ค่ายรถยนต์โตโยต้า และบริษัท SCG เป็นต้น โดยทุกองค์กรที่มาร่วมกันจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยก้าวข้ามวิกฤติด้านพลังงาน ด้วยการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในองค์กร ทั้งนี้ พพ. จะให้การสนับสนุนด้านเทคนิค การฝึกอบรมให้ความรู้ การให้คำปรึกษาและแนะนำ ตลอดจนเผยแพร่ผลสำเร็จและความรู้ด้านอนุรักษ์พลังงานสู่สาธารณชน กระตุ้นทุกภาคส่วนให้เกิดความตระหนักและเกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับตัวอย่างมาตรการเพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ความร่วมมือในกิจกรรมฯ ครั้งนี้ จะมีมาตรการทั้งด้านอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทดแทน ที่เกิดผลสัมฤทธิ์สูงและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้กว้างขวางมากขึ้น อาทิ มาตรการลดการสูญเสียพลังงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงปรับเปลี่ยนเครื่องจักรอุปกรณ์ โดยใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง มาตรการติดตั้งระบบ Monitoring and control เพื่อประเมินค่าการใช้พลังงาน และการนำพลังงานทดแทนมาใช้งาน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวมวล และ ระบบพลังงานชีวภาพ ร่วมกับระบบควบคุมการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น