"สแตนชาร์ด" คาดราคาน้ำมันทรุด 50% เหลือเพียง 40 ดอลลาร์ปีหน้า
ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะดิ่งลงจากปัจจุบันที่ราว 79 ดอลลาร์/บาร์เรล เหลือเพียง 40 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ นายเอริค โรเบิร์ตสัน หัวหน้านักวิจัยระดับโลกของ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานชื่อ "เรื่องเซอร์ไพรส์ของตลาดการเงินในปี 2566" หรือ "The financial-market surprises of 2023" โดยได้ระบุถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งตลาดได้มองข้ามไป
หนึ่งในเหตุการณ์ในรายงานดังกล่าวคือการที่ราคาน้ำมันจะทรุดตัวลง หลังจากที่พุ่งขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากภาวะตึงตัวในตลาด และการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้ปรับตัวผันผวนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยได้ดิ่งลง 35% ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-28 พ.ย. แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร (โอเปกพลัส) ประกาศลดกำลังการผลิต ขณะที่มีการคาดหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดก่อนหน้านี้
นายโรเบิร์ตสันระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยมากกว่าคาดในปีหน้า รวมทั้งการที่เศรษฐกิจจีนประสบความล่าช้าในการฟื้นตัว จะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันทรุดตัวลงอย่างมากในหลายประเทศ
นอกจากนี้ หากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนได้รับการแก้ไขผ่านทางการเจรจาจนส่งผลให้สงครามสิ้นสุดลง ก็จะทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลงราว 50% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะร่วงลงจากปัจจุบันที่ราว 79 ดอลลาร์/บาร์เรล เหลือเพียง 40 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19