เปิดแผนพัฒนา 'ท่าเรือคลองเตย' สัมปทาน 30 ปี ปั้นย่านธุรกิจใหม่
การท่าเรือแห่งประเทศไทย เตรียมดึงพื้นที่ท่าเรือคลองเตยรวม 32 ไร่ เปิดประมูลสรรหาเอกชนร่วมพัฒนาศูนย์กลางโลจิสติกส์ และย่านธุรกิจแห่งใหม่ มอบสัมปทาน 30 ปี หวังสร้างรายได้นอกเหนือจากธุรกิจหลัก
นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าการดำเนินโครงการที่สำคัญของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือคลองเตย ยกระดับสู่ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ซึ่งพบว่าปัจจุบัน กทท.เดินหน้าแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ของ กทท. ได้นำพื้นที่แปลงใหญ่ที่มีศักยภาพมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ ได้แก่
- พื้นที่ 17 ไร่ บริเวณด้านข้างอาคารที่ทำการ กทท.
- พื้นที่ 15 ไร่ บริเวณโกดังสเตเดียม
เบื้องต้นมีเป้าหมายจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเพื่อใช้เป็น Marine Logistics Center และ Business Center City รวมทั้งใช้ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ กทท. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งคณะทำงานร่างเอกสารประกวดราคา (TOR) รายละเอียดเงื่อนไขก่อนประกาศผู้สนใจเข้าร่วมการประมูล โดยมีระยะเวลาการให้เช่าพื้นที่ 30 ปี ทั้งนี้ กทท. ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก
สำหรับผังโครงการแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ของ กทท.ถูกจัดสรรออกเป็น 5 กลุ่มพัฒนา ประกอบด้วย
กลุ่มพัฒนาพื้นที่ A
- อาคารสำนักงานท่าเรือใหม่และอาคารสำนักงานเช่าเอกชน
- โครงการที่พักอาศัย
- โครงการพัฒนา Medical Hub
- อาคารสำนักงาน
- Smart Community
- อาคารอยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการพนักงานการท่าเรือ
- อาคารอยู่อาศัยประเภทเช่า
- Retail Mixed use
กลุ่มพัฒนาพื้นที่ B
- Smart Port (กึ่งอัตโนมัติ)
- ท่าเทียบเรือตู้สินค้าฝั่งตะวันออก
- ท่าเทียบเรือสินค้าชายฝั่ง
กลุ่มพัฒนาพื้นที่ C
- พื้นที่ Cruise Terminal
- Retail Mixed use
- อาคารสำนักงาน
- พื้นที่พาณิชย์ Duty Free
- โรงแรม
- พื้นที่พาณิชยกรรม
- อาคารจอดรถ
- ศูนย์ฝึกอบรม
- พื้นที่ศูนย์อาคารแสดงสินค้า
- อาคารสาธารณูปโภค
พื้นที่รองรับในการพัฒนาอนาคต X
- พื้นที่คลังเก็บสินค้า
- สำนักงาน E- Commerce
- พื้นที่จอดรถบรรทุก
- พื้นที่ ปตท.เช่าใช้
กลุ่มพัฒนาพื้นที่ G
- Sport Complex
- สวนสาธารณะ
ทั้งนี้ กทท.คาดว่าการพัฒนาพื้นที่ในเชิงพาณิชย์ จะสามารถสร้างรายได้ สร้างมูลค่าได้อย่างยั่งยืน เพื่อเป็นแหล่งรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากรายได้ที่เกิดจากธุรกิจหลักของ กทท. พร้อมสนับสนุนให้ทุกโครงการเกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้สอดคล้องกับระเบียบ ข้อกฎหมาย มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรและประเทศชาติ
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. เผยด้วยว่า กทท.ยังมีโครงการพัฒนาสำคัญๆ ได้แก่ การพัฒนาท่าเรือให้เป็นท่าเรือสีขาว โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การบริหารจัดงานให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายและมีธรรมาภิบาล และอีกส่วนคือการดำเนินธุรกิจด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่การเป็นท่าเรือสีเขียว รวมไปถึงการจัดตั้งเขตปลอดอากรในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ (BKP Freezone) โดยคาดว่าจะมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ ประมาณ 6-7 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งรายได้จากค่ายานพาหนะผ่านท่า และรายได้จากปริมาณสินค้าและตู้สินค้าที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ได้มีแผนการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ลานวางตู้สินค้า ศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งพัฒนาระบบการขนส่งทางบกและทางราง ให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคต ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ และลดปัญหาการจราจรติดขัดภายใน ทกท. และพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ โครงการ Automated Container Terminal และโครงการ BKP Distribution Center