กรอ.พาณิชย์ กางแผนเจาะ3 ตลาดใหญ่ดันส่งออกไทยปีหน้า
กรอ.พาณิชย์ ถกปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวปี 66 กระทบส่งออกไทย วางแผนเจาะ 3 ตลาดใหญ่ ทั้ง ตะวันออกกลาง เอเชียใต้และ CLMV ตั้งเป้าปี 66 โกยเงินให้ประเทศเพิ่มอีก 3 แสนล้านบาท พร้อมเร่งเจรจามินิเอฟทีเอเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพิ่มช่องทางส่งออกไทย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์(กรอ. พาณิชย์) เพื่อหารือร่วมกันทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า ว่าการประชุม กรอ.พาณิชย์ มีภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทยและสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยเพื่อเตรียมการส่งออกปีหน้ารองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวและปัญหาอื่นๆ
โดยปัจจัยที่จะกระทบต่อการส่งออกไทยในปีหน้า ประกอบด้วยเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว โดย IMF คาดว่ามีเศรษฐกิจโลกปี2566 0t ขยายตัว 2.7% ปัญหาความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบต่อราคาพลังงานและความมั่นคงทางอาหารของโลก นโยบายซีโร่โควิดของจีน ที่จีนเป็นคู่ค้าลำดับหนึ่งของไทย เป็นตลาดส่งออกลำดับใหญ่อันดับสองของไทย อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท มีผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตส่งออก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประชุมมีมติให้ตั้งวอรูมขึ้น เป็นวอรูม กรอ.พาณิชย์ที่ประกอบด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนทั้งหมด เพื่อทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตลอดปี 2566 รองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและปัญหายืดเยื้อที่ค้างคาจากปี 64-65 นอกจากนี้ยังตั้งเป้าบุกตลาดที่มีศักยภาพเพิ่มยอดการส่งออกจากมาตรการปกติที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเป็นกรณีเฉพาะบุก 3 ตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพประกอบด้วยตลาดตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียใต้ และตลาด CLMV โดย 3 ตลาดใหญ่นี้ ปี 65 คาดมียอดการส่งออกรวมประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท และปี 66 จะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท รวมเป็น 300,000 ล้านบาท
เป้าหมาย 3 ตลาด ประกอบด้วย 1. ตลาดตะวันออกกลาง มุ่ง 3 ตลาดใหญ่ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือ UAE และกาตาร์ สินค้าเป้าหมายสำคัญ คือ อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ตั้งเป้าปี 66 เพิ่มตัวเลขส่งออก 3 ประเทศนี้ 20% จาก 8,900 ล้านดอลลาร์ในปี 65 เป็น 10,300 ล้านดอลลาร์ในปี 66
2.ตลาดเอเชียใต้ เน้นประเทศสำคัญ 3 ประเทศ คือ อินเดีย บังกลาเทศและเนปาลตั้งเป้าส่งออกปีหน้าใน 3 ประเทศนี้ ตลาดเอเชียใต้ เพิ่ม 10% เพิ่มจากปีนี้ที่ 12,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเป็น 13,200 ล้านดอลลาร์ ในปี 66 สินค้าสำคัญ เช่นเคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น
3.ตลาด CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม ตั้งเป้าส่งออกเพิ่ม10-15% จาก 28,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เป็น 33,500 ล้านดอลลาร์ในปี 66 1สินค้าเป้าหมายสำคัญ เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเร่งรัดการค้าชายแดน เช่น อาหาร ผลไม้ ผักและสินค้าอื่นๆ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบว่า ตนควรนำคณะไปเยือนประเทศเท่าที่จำเป็นสำคัญคือ UAE ซึ่งจะเป็นประตูสำคัญอีกประตูหนึ่งนอกจากซาอุดิอาระเบียส่งสินค้าไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อินเดีย โดยเฉพาะรัฐคุชราต มีเมืองอาห์เมดาบัด ที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของอินเดีย มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และมณฑลยูนนาน ซึ่งไทยต้องเร่งรัดทำ Mini FTA เป็นที่ตั้งของด่านสำคัญของจีนคือ ด่านโม่ฮาน ขณะนี้รัฐบาลจีนเห็นชอบเปิดด่านได้แล้ว อาจมีปัญหาอุปสรรคในภาคปฏิบัติ จะเป็นโอกาสเจรจาร่วมกับมณฑลอำนวยความสะดวกการส่งออกสินค้าไทยไปจีนผ่านมณฑลยูนนานคล่องตัวขึ้น
พร้อมกันนี้ให้เร่งเจรามินิเอฟทีเอกับเมืองหรือเขตเศรษฐกิจสำคัญ เเช่น มินิเอฟทีเอกับเมืองสำคัญของอังกฤษ มินิเอฟทีเอ กับปากีสถาน โดยเฉพาะเมืองลาฮอร์ ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของปากีสถาน ทำมินิเอฟทีเอกับเมืองใหญ่ใน 6 ประเทศกลุ่มอ่าวอาหรับ ถ้าเราสามารถเจาะทำมินิเอฟทีเอ ได้ก่อนจะช่วยตัวเลขการส่งออกได้เร็วขึ้น