IMF เผยทั่วโลกมีหนี้สินลดลง แต่ยังสูงกว่าก่อนโควิดระบาดอยู่มาก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะและหนี้เอกชนปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 70 ปีเมื่อปี 2564 หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันเป็นผลจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 แต่ยังถือว่าสูงกว่าก่อนที่โรคโควิด-19 ระบาดอยู่มาก
IMF เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะและหนี้เอกชนปรับตัวลดลงจาก 257% ต่อจีดีพีโลกเมื่อปี 2563 เหลือ 247% ในปี 2564 แต่ยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับปี 2550 ซึ่งอยู่ที่ 195%
เมื่อแยกตามกลุ่มประเทศแล้ว เศรษฐกิจกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีหนี้สินลดลงมากที่สุด ตามมาด้วยตลาดเกิดใหม่ ยกเว้นจีน
ในทางกลับกัน ประเทศรายได้ต่ำมีหนี้สินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้สินเอกชน ทั้งยังส่งสัญญาณน่ากังวลในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ด้วย ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณดีขึ้นและต้นทุนการกู้ยืมยังเพิ่มสูง
ขณะที่ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้ลอตใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 1.21 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 1.74 แสนล้านดอลลาร์) ลดลง 5.96 หมื่นล้านหยวน เมื่อเทียบเป็นรายปี
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปริมาณเงินในระบบ M2 ซึ่งประกอบด้วยเงินสดหมุนเวียนและเงินฝากทุกประเภท เพิ่มขึ้น 12.4% ณ สิ้นเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 264.7 ล้านล้านหยวน
ขณะที่ปริมาณเงินในระบบ M1 ซึ่งครอบคลุมกระแสเงินสดหมุนเวียนและเงินฝากเผื่อเรียก (demand deposits) ณ สิ้นเดือนพ.ย. อยู่ที่ 66.7 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
สำหรับปริมาณเงิน M0 ซึ่งครอบคลุมเพียงกระแสเงินสดหมุนเวียนนั้น ปรับตัวขึ้น 14.1% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 9.97 ล้านล้านหยวน