ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วง 1.77 ดอลล์ ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ยฉุดดีมานด์ร่วง
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันพฤหัสบดี(15ธ.ค.)ปรับตัวร่วงลง 1.77 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลบ 1.77 ดอลลาร์ หรือ 2.3% สู่ระดับ 75.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.0% ปิดที่ 81.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรในตลาด หลังราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสพุ่งขึ้น 2.5% วานนี้ขานรับคาดการณ์อุปสงค์ฟื้นตัวในปีหน้า
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567
โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เดิมของตลาด และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ