ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดปี 66 เศรษฐกิจไทยโต 3.7%
“ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมองปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเจอกับความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ดันเศรษฐกิจปีหน้าโตได้ 3.7%”
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ปาฐกถาพิเศษหัวข้อภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงิน - ความท้าทายเศรษฐกิจไทย 2023 ภายในงานมหกรรมการเงินกรุงเทพส่งท้ายปี ระบุว่า ปี 2566 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยจะเจอกับความท้าทาย โดยความท้าทายหลักมาจากเศรษฐกิจโลก มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 มีสัญญาณชัดเจนว่าจะชะลอตัว ซึ่งมาจากการที่ธนาคารหลักของโลกขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายพร้อมกัน และเป็นการขึ้นที่ค่อนข้างเร็วและแรง ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นอกจากเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลกที่มีความหลากหลาย นอกจากเรื่องวิกฤติโควิดยังเรื่องต่างๆ ที่มากระทบอีก เช่น สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงาน ราคาอาหาร และเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงการที่ธนาคารกลางหลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเร็ว ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า ส่งผลกระทบให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
สำหรับประเทศไทยมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง เนื่องจากแม้ว่าการส่งออกจะกระทบจากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยธปท. คาดว่าส่งออกปี 2566 จะโตเพียง 1% อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะถูกเอื้อด้วยการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศเป็นหลักซึ่งมาจากรายได้ที่มีการฟื้นตัว นอกจากนี้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวยังจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดย ธปท. คาดว่าในปี 2565 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 10 ล้านคน และปี 2566 คาดการณ์อยู่ที่ 20 ล้านคน
ขณะที่ด้านความเสี่ยงด้านตลาดการเงินโลก จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน อย่างไรก็ตาม จะกระทบจนกระทั่งทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยสะดุดหรือไม่นั้น มองว่าความเข้มแข็งด้านต่างประเทศของไทยค่อนข้างดี แม้ว่าในปี 2565 ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะขาดดุล แต่ในปี 2566 คาดว่าจะกลับมาเกินดุลได้จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะมาช่วยเสริมในมิติของภาคต่างประเทศของไทย และจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ช่วยให้ไทยผ่านพ้นปัญหาจากสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินโลกที่มีความผันผวนไปได้
ทั้งนี้ ในระยะสั้น โจทย์แรกของ ธปท. คือทำให้นโยบายการเงินเข้าสู่สภาวะปกติ โดยเป้าหมายหลักคือ ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งที่จะมาทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยไม่ต่อเนื่องคือการที่เงินเฟ้อขยับเพิ่มสูงขึ้น และไม่กลับสู่ระดับที่เหมาะสม รวมไปถึงระบบการเงินหยุดชะงัก จะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่สามารถไปต่อได้
ซึ่งเป้าหมายสำคัญในการเผชิญความท้าทายของเศรษฐกิจคือจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งบทบาทของ ธปท.คือ การปรับนโยบายด้านการเงินให้เข้าสู่สภาวะปกติจากช่วงวิกฤติที่ต้องใช้ยาแรง ตอนนี้เศรษฐกิจเปลี่ยนก็ต้องปรับนโยบายให้เหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจใหม่
โดยฝั่งของนโยบายการเงินสิ่งที่ ธปท.ทำคือ การปรับดอกเบี้ยในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป และเหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งเป็นการปรับนโยบายที่อาจจะแตกต่างจากต่างประเทศ แต่เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของไทยไม่ได้เหมือนกับต่างประเทศ