ม.หอการค้าไทย เผย ปีใหม่เงินสะพัดกว่าแสนล้านบาท ขยายตัวสูงสุดในรอบ 17 ปี
ม.หอการค้าไทย เผยปีใหม่คึกคักเงินสะพัด1.03 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% สูงสุดรอบ17ปี เหตุประชาชนไม่กังวลโควิด-19 ทำออกมาจับจ่ายใช้สอย คาดไตรมาสแรกปี 66 เศรษฐกิจขยายตัว 3.5 % จากแรงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย “พฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2566 และทัศนะต่อประเด็นต่างๆ” พบว่า การใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 คาดว่ามีเงินสะพัดอยู่ที่ 103,039 ล้านบาท ขยายตัว 20.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 17 ปีนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นครั้งแรกที่มีเงินสะพัดทะลุแสนล้านบาท
นอกจากนี้ จะพบว่าประชาชนจะมีการจับจ่ายในช่วงเทศกาลอย่างคึกคักและเป็นกลับมาจับจ่ายที่มีความสุขในรอบ 3 ปีและจะส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างสดใส และประกอบกับมาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ที่รัฐบาลออกมาเป็นของขวัญปีใหม่ อย่างช้อปดีมีคืน พร้อมกับเราเที่ยวด้วยกัน คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดเฉลี่ยกว่า 60,000 บาท จะส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ขยายตัวเพิ่ม 0.1 ถึง 1% จะทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ขยายตัว 3.5%
“เงินสะพัดในช่วงปีใหม่ 2566 ที่ทะลุ 1 แสนล้านบาท กลับมามีมูลค่าใกล้เคียงปกติก่อนสถานการณ์โควิด -19 สะท้อนว่าสถานการณ์โควิด-19 ได้ปิดฉากลงแล้ว ให้เศรษฐกิจกลับมาคึกคักอีกครั้ง ประกอบกับการท่องเที่ยวเริ่มกลับ และและยังไม่เห็นสัญญาณเศรษฐกิจโลกทรุดตัวลง จึงเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัว “นายธนวรรธน์ กล่าว
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำของสภามหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่สำรวจระหว่างวันที่ 9 - 16 ธ.ค. 2565 จำนวน 1,345 ตัวอย่างทั่วประเทศ ประชาชนจะใช้จ่ายให้กับตัวเองและผู้อื่น 69.8% โดยการใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของการสังสรรค์ จัดเลี้ยงไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ทำบุญทางศาสนา และพบว่าจะมีการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้นและของขวัญที่นิยมซื้อในช่วงเต็มปีใหม่ ยังเป็นการซื้อกระเช้าของขวัญเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย
ขณะที่ การวางแผนออกนอกพื้นที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่วนใหญ่จะไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดและภูมิภาคที่ไปเที่ยวมากสุด คือ ภาคเหนือ รองลงมาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงเวลาที่วางแผนไปเดินทางท่องเที่ยว จะอยู่ในช่วงวันที่ 29 ธ.ค.2565 ถึงวันที่ 2 ม.ค. 2566
ส่วนภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมีผลต่อการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ 54.4% มีผล ส่วนการแพร่ระบาดของโควิด 80.4% ไม่มีผล ภาระหนี้สิน 55.6% มีผล สำหรับแหล่งที่มาของการใช้จ่าย 63.6% ยังมาจากเงินเดือนรายได้ตามปกติ ขณะที่บรรยากาศในช่วงเทศกาลปีใหม่ 48.3% มองว่าคึกคักกว่าปีที่แล้วและการใช้จ่ายโดยรวมของประชาชนอยู่ที่ประมาณ 103,039 ล้านบาท
นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า คําอวยพรที่ท่านอยากอวยพรให้ประเทศไทยส่วนใหญ่ 90.9% ขอให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาลิณี สิริพัชร มหาวัชราชธิดา ทรงหายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน 84.9% ขอให้พระราชินีในรัชกาลที่ 9 และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงมีพระพลามัยแข็งแรง 80.4% ขอให้เศรษฐกิจดีขึ้น 78.5% ขอให้การเมืองมีเสถียรภาพ 76.1% ขอให้คอร์รัปชั่นหมดไป
สิ่งที่ต้องการได้เป็นของขวัญจากรัฐบาลมากที่สุด 37.6% การปฏิรูปภาครัฐปราบปรามการทุจริตรัฐบาลควรมีความโปร่งใสในการตรวจสอบ 26.7% มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการใช้จ่ายเงินภายในประเทศอาทิตย์คนละครึ่ง 12.9% ลดภาระค่าครองชีพของประชาชน อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน 7.9% เพิ่มการจ้างงานและค่าแรงให้กับประชาชน
ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงในปี 2566 ส่วนใหญ่ประชาชนยังให้ความเป็นห่วงในเรื่องของ ยาเสพติด เศรษฐกิจ ค่าครองชีพ การตกงาน หนี้สินในปัจจุบันคอรัปชั่น และการแพร่ระบาดของโควิด 19
ประเมินผลการแก้ปัญหาด้านต่างๆของรัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ ในการแก้ไขการแพร่ระบาดของโควิด 19 ให้คะแนน 7.9 คะแนน แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม 6 คะแนน แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ 5.9 คะแนน
สิ่งที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการในปี 2566 กระตุ้นเศรษฐกิจดูแลการมีงานทำสร้างรายได้แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด 19 ให้ความช่วยเหลือและพัฒนาเกษตร แก้ปัญหายาเสพติด ประชาชนต้องการให้มีมาตรการใดมากที่สุด 50.9% คนละครึ่ง 27.7% เราเที่ยวด้วยกัน 21.4% ช้อปดีมีคืน ข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อโอเมคอนมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการท่องเที่ยว 89.5% บอกว่าไม่มี