"จีน"พลิกโมเดลปี 66 มุ่งเศรษฐกิจดิจิทัล-กรีน

"จีน"พลิกโมเดลปี 66 มุ่งเศรษฐกิจดิจิทัล-กรีน

ผู้เชี่ยวชาญคาด เศรษฐกิจจีนปี 2566 จะแตกต่างไปจากปี 2562 แทบสิ้นเชิง เศรษฐกิจดิจิทัล-กรีนมาทดแทนการพึ่งพาภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานอย่างที่เคยทำ

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงาน ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ถูกรัฐบาลปักกิ่งเล่นงานจนน่วม การส่งออกอ่อนแรงจากที่เคยเฟื่องฟู ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่างเจดีดอทคอมปีนี้ผงาดขึ้นเป็นบริษัทนอกภาครัฐรายใหญ่สุดในจีนวัดจากรายได้ แทนหัวเว่ยที่เจอข้อจำกัดมากมายจากสหรัฐ

เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลปักกิ่งยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์กะทันหันหลายมาตรการ เลิกบังคับตรวจโควิดที่สร้างความเสียหายต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจมาตลอด 18 เดือน   นักวิเคราะห์เตือนว่า หนทางการเปิดเศรษฐกิจเต็มตัวยังไม่ราบรื่น แต่ก็คาดกันว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า

นักเศรษฐศาสตร์กล่าวตรงกันว่า องค์ประกอบการเติบโตของจีนแทบจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อสามปีก่อน นักวิเคราะห์จากธนาคารการลงทุนจีนซีไอซีซี  กล่าวในรายงานแนวโน้มปี 2566 เผยแพร่เมื่อเดือน พ.ย. ระบุ ตัวแบบการเติบโตของจีนกำลังเคลื่อนออกจากที่เคยพึ่งพาภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานสูงมาก ไปสู่ตัวแบบที่เศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัลมีบทบาทมากขึ้น รายงานอ้างถึงการประชุมสมัชชาใหญ่สมัยที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือน ต.ค. ที่เน้นย้ำเรื่องนวัตกรรม

ทั้งนี้ หมวดหมู่เศรษฐกิจดิจิทัล เช่น อุปกรณ์สื่อสาร การส่งผ่านข้อมูลและซอฟต์แวร์ ส่วนเศรษฐกิจสีเขียวหมายถึงอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องลงทุนเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เช่น พลังงานไฟฟ้า เหล็กเคมีภัณฑ์ และอื่นๆ

ซีไอซีซีประเมินว่า ตลอดห้าปีข้างหน้าการลงทุนสะสมในเศรษฐกิจดิจิทัลจะโตกว่าเจ็ดเท่าไปทะลุ 77.9 ล้านล้านหยวน (11.13 ล้านล้านดอลลาร์) มากกว่าการลงทุนสะสมในภาคอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิม หรือเศรษฐกิจสีเขียว ทำให้ดิจิทัลเป็นภาคส่วนใหญ่สุดในสี่หมวดหมู่

ในปี 2564 และ 2565 อสังหาริมทรัพย์เป็นหมวดที่มีการลงทุนมากที่สุด แต่นักวิเคราะห์จากซีไอซีซี กล่าวว่า ปีนี้การลงทุนในภาคอสังหาฯ ลดลงราว 22% จากปีก่อน ขณะที่การลงทุนในภาคส่วนดิจิทัลและกรีนโตขึ้นราว 24% และ 14% ตามลำดับ

ทั้งนี้ ปี 2563 ปักกิ่งเล่นงานนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หนี้สูงทำให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ยอดขายบ้านและการลงทุนดิ่งเหว ปีนี้ทางการผ่อนคลายข้อจำกัดทางการเงินหลายอย่าง

ส่งออกอ่อนแรง

ขณะที่หลายประเทศในโลกกำลังดิ้นรนสกัดโควิด-19 เมื่อปี 2563 และ 2564 แต่การที่จีนคุมไวรัสได้อย่างรวดเร็วช่วยให้โรงงานจีนตอบสนองความต้องการสินค้าดูแลสุขภาพและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลกได้

ปัจจุบัน ความต้องการกำลังลดลง การส่งออกจีนเริ่มตกต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในเดือน ต.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค.2563

ปีหน้า คาดว่าการส่งออกสุทธิลดลงจะลดการเติบโตทางเศรษฐกิจลง 0.5% นายฮุ่ยชาน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของโกลด์แมนแซคส์และทีมงาน รายงานเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ว่า การส่งออกสุทธิหนุนจีดีพีจีนมาตลอดหลายปีหลัง ปี 2564 คิดเป็น 1.7% ของจีดีพี

แต่การส่งออกของจีนไปยังสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพิ่มขึ้น แซงหน้าการส่งออกไปสหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือน พ.ย.

 “การส่งออกไปยังประเทศอาเซียนอาจทำหน้าที่เป็นกันชนอ่อนๆ รองรับแรงกดดันในตลาดอียูและสหรัฐได้” นายเซี่ยวเหวิน จิน นักเศรษฐศาสตร์จีนของซิตี้และทีมงานรายงานเมื่อวันพุธ (21 ธ.ค.) พวกเขาคาดว่าจีดีพีอาเซียนจะฟื้นตัวในปี 2566 ขณะที่สหรัฐและอียูเศรษฐกิจถดถอยในบางช่วงของปีหน้า

นายจินชี้ว่า การส่งออกรถยนต์ของจีนโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าและอะไหล่ที่เกี่ยวข้องช่วยหนุนการส่งออกโดยรวมของปีนี้

ที่ผ่านมารัฐบาลปักกิ่งผลักดันอย่างหนักให้เพิ่มการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หลายแบรนด์ตั้งแต่ Nio ไปจนถึง BYD เริ่มขายรถยนต์นั่งไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆ

การบริโภคกลับมา 

ด้านนายห่าว โจว หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์บริษัทกั๋วไถ่จูหนานซีเคียวริตีส์ รายงานเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ว่า การส่งออกอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วยังหมายความว่า จีนจำเป็นต้องเจาะตลาดในประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอันใกล้

“ด้วยการผ่อนคลายข้อจำกัดคุมโควิด การบริโภคมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและส่งผลตั้งแต่ปีหน้า”

นักวิเคราะห์รายนี้คาดว่า ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 6.8% ในปี 2566 จีดีพีจีนเติบโต 4.8% นโยบายรัฐบาลกลางที่ประกาศในเดือนนี้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มการบริโภคในประเทศ หลังจากยอดค้าปลีกต่ำกว่าการเติบโตโดยรวมมาตั้งแต่โควิดระบาด ประชาชนออมเงินมากสุดเป็นประวัติการณ์

นักวิเคราะห์โกลด์แมนแซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีจีนประจำปี 2566 จาก 4.5% มาอยู่ที่ 5.2% เนื่องจากเศรษฐกิจเปิดเร็วกว่าคาด ซึ่งการบริโภคเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเตือนถึงรายได้และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ต้องใช้เวลากว่าจะเข้าที่ หมายความว่า ปีหน้าการปลดปล่อย “อุปสงค์ที่อัดอั้น” ในบางหมวดหมู่อาจมีจำกัด เช่น การเดินทางระหว่างประเทศ

รวยจ่ายมาก-จนจ่ายน้อย

การสำรวจของแมคคินเซย์ในปีนี้พบว่า การใช้จ่ายในหมู่คนรายได้น้อยกว่าตรงข้ามกับชาวจีนร่ำรวย ความตรงข้ามระหว่างสองกลุ่มมีมาตั้งแต่ก่อนโควิดระบาด

แนวโน้มนี้ปรากฏในผลประกอบการทางการเงินของหลายๆ บริษัท ในไตรมาสสิ้นสุด 30 ก.ย. พินตั่วตั่วรายงานรายได้จากการขายสินค้าร่วงลง 31% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 56.4 ล้านหยวน

ในช่วงเดียวกันรายได้การพาณิชย์จีนของอาลีบาบาซึ่งรวมถึงยอดขายเสื้อผ้าลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 1.35แสนล้านหยวน

ยอดขายสินค้าราคาแพงขึ้นที่ชนชั้นกลางชื่นชอบอย่างสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ขายได้มากขึ้นที่เจดีดอทคอม บริษัทรายงานรายได้จากสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นราว 6% มาอยู่ที่ 7.97 แสนล้านหยวนในรอบสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.

ในระยะยาว แมคคินเซย์คาดว่า ครัวเรือนในเมืองหลายล้านครัวเรือนจะมั่งคั่งขึ้น ขณะที่จำนวนครัวเรือนรายได้ต่ำลดลง