“สินิตย์ “ลุย สุราษฎร์ฯ กระบี่ พัฒนาระบบ GI ยกระดับสินค้าชุมชนครบวง
“สินิตย์ “ลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ฯ กระบี่ ยกระดับสินค้าชุมชนด้วย GI ครบวงจร ดัน“ปลาเม็งสุราษฎร์”เป็นเมนูประจาร้านรับนักท่องเที่ยง ปิดดีลเซ็นสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้า“เงาะโรงเรียนนาสาร” กว่า 100 ตันกับ “ท็อปส์” พร้อมจับคู่ธุรกิจกับภาคเอกชนขยายตลาด“ขมิ้นชันสุราษฎร์ธานี”
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กะทรวงพาณิชย์มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากโดยใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือGIในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชนการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและกระบี่ครั้งนี้ไดม้อบหนังสือรับรอง การขึ้นทะเบียน GI ให้กับ “ขมิ้นชันสุราษฎร์ธานี” และ “ปลาเม็งสุราษฎร์ธานี” ที่เพิ่งขึ้นทะเบียน GI ล่าสุด
นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ร่วมกับภาคเอกชนของจังหวัดสุราษฎร์ฯ ส่งเสริมการตลาดให้สินค้า GI นำรายได้มาสู่ชุมชนท้องถิ่น เช่น การลงนามข้อตกลงกับชมรมร้านอาหาร สมาคมโรงแรมและท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ฯ เพื่อให้ “ปลาเม็งสุราษฎร์ธานี” เป็นเมนูประจาร้านอาหารและโรงแรมในจังหวัด การทาสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้า “เงาะโรงเรียนนาสาร” จานวนกว่า 100 ตัน กับ “ท็อปส์” เพื่อนาไปจาหน่ายที่ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด และ ตลาดจริงใจ Farmers’ Market ทั่วประเทศ การจับคู่ธุรกิจให้สินค้า GI “ขมิ้นชันสุราษฎร์ธานี” กับบริษัท มิตรผลวิจัย พัฒนาอ้อยและน้าตาล และร้านสมุนไพรว.วังพรม สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นในระยะยาว
ขมิ้นชันสุราษฎร์ธานี และปลาเม็ง จ.สุราษฎร์ธานี สร้างมูลค่าทางการตลาดและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในจังหวัดกว่า 660 ล้านบาท สำหรับจังหวัดกระบี่ มีสินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 1 สินค้า คือ กาแฟเมืองกระบี่ สร้างมูลค่าทางการตลาดและสร้างรายได้ให้กับชุมชนใน จังหวัดกว่า 20 ล้านบาท โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะเดินหน้าส่งเสริมการขึ้นทะเบียน GI อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง มูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและนารายได้กลับสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมกระบวนการผลิตสินค้า “ทุเรียนทะเลหอย” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดกระบี่ ที่คาดว่าจะได้รับการขึ้นทะเบียน GI ภายในช่วงต้นปี 2566 เพื่อตรวจสอบคุณภาพและมอบนโยบายในการส่งเสริมสินค้าดังกล่าว
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา จะเร่งดาเนินการผลักดันนโยบาย ด้านการส่งเสริมสินค้า GI อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว อาทิ เร่งรัดการขึ้นทะเบียน ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ ถึงประโยชน์ของการคุ้มครอง GI ให้แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่น จัดทาระบบควบคุมคุณภาพเพื่อรักษามาตรฐานของสินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว และการส่งเสริมการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสและยกระดับ สินค้าอัตลักษณ์ท้องถิ่นของชุมชนสู่สินค้าระดับพรีเมี่ยมต่อไป