สศอ. เผยดัชนี MPI เดือนพ.ย.65 หดตัว 5.6% มากที่สุดในรอบ 15 เดือน
สศอ. เผยดัชนี MPI เดือน พ.ย. อยู่ที่ 95.11 หดตัวจากปีก่อน 5.6% ขณะที่กำลังการผลิตอยู่ที่ 62.63% คาดการณ์ดัชนี MPI ทั้งปี 65 ขยายตัว 1.0% ส่วนครึ่งปี 66 จะขยายตัวในกรอบ 2.5 – 3.5%
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากการบริโภคในประเทศเป็นหลัก ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพ.ย. ปี 2565 อยู่ที่ 95.11 และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 62.63% สำหรับภาพรวมดัชนี MPI สะสม 11 เดือนของปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 98.68 ขยายตัว 1.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิต สะสม 11 เดือน เฉลี่ยอยู่ที่ 63.02% เป็นผลจากการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น สะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ปัญหาข้อจำกัดในการผลิตได้คลี่คลายลง อาทิ ค่าระวางเรือมีทิศทางลดลง รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้คาดว่าดัชนีอุตสาหกรรมจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2566
นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพ.ย. 2565 หดตัว 5.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงงานในอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก ซึ่งจะกลับมาผลิตเป็นปกติในเดือนธ.ค. 2565
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ขยายตัวในเดือนพ.ย. 2565 ยังคงเป็นยานยนต์ จากรถบรรทุกปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์นั่งขนาดกลาง ที่สามารถผลิตได้ต่อเนื่อง น้ำมันปาล์มจากน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ หลังจากราคาปาล์มน้ำมันในปีก่อนปรับสูงขึ้น จึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรมีการบำรุงต้นและลูกปาล์ม ส่งผลให้ปีนี้ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าปีก่อน และเครื่องปรับอากาศที่กลับมาเร่งผลิตได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ ในเดือนธ.ค. 2565 คาดว่าดัชนี MPI จะขยายตัวจากปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์คลี่คลาย ทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องสามารถกลับมาเร่ง การผลิตได้อีกครั้ง รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ
อย่างไรก็ตาม อุปสงค์สินค้าในตลาดโลกเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด ด้วยตลาดส่งออกสำคัญมีแนวโน้มจะเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอยจากภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงาน
โดย สศอ. ได้คาดการณ์ดัชนี MPI ปี 2566 จะขยายตัวอยู่ที่ 2.5 – 3.5% จากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังและติดตาม ได้แก่ ราคาพลังงานที่ทรงตัวในระดับสูง การปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนกระทบต่อภาคการส่งออก และทิศทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนพ.ย. 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.95% จากรถบรรทุกปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์นั่งขนาดกลาง เป็นหลัก จากการเร่งผลิตหลังได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ประกอบกับมีการผลิตเพื่อสต๊อกสินค้าไว้เพื่อจำหน่ายในช่วงปลายปี
น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 32.47% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เป็นหลัก เนื่องจากในปีก่อนราคาจำหน่ายของปาล์มน้ำมันสูง จึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรมีการบำรุงต้นและลูกปาล์ม ส่งผลให้ปีนี้ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าปีก่อน
เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.57% จากการส่งออกที่ขยายตัว โดยได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และฟิลิปปินส์ รวมถึงการเร่งผลิตและส่งมอบสินค้าหลังจากช่วงก่อนหน้ามีปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วน
เบียร์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.95% จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว สถานบันเทิงและร้านอาหารเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบมากกว่าปีก่อนที่ยังมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.08% จากผลิตภัณฑ์ วงจรรวม และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลัก ตามความต้องการของตลาดโลกที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวหลังเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการเติบโตน้อยลง