วิสัยทัศน์ผู้นำกับโควิด Welcome to Thailand
สิ่งที่ สธ.พูดก็ถูก คนไทยมีภูมิคุ้มกันโควิดมากแล้ว เพราะฉะนั้น ณ วินาทีนี้โควิดไม่ได้น่ากลัวสำหรับคนไทยอีกต่อไป ที่น่ากลัวกว่าน่าจะเป็นวิสัยทัศน์ผู้นำ วิสัยทัศน์ต่าง มองปัญหาต่าง แก้ปัญหาต่าง ผลลัพธ์ที่ตามมาก็ต่างกันด้วย
ชัดเจนแล้วเรื่องการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย หลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ และกรุงเทพมหานคร หารือร่วมกันเมื่อวานนี้ (5 ม.ค.) สรุปได้ว่า ประเทศไทยยังคงใช้มาตรการควบคุมโควิดนักท่องเที่ยวอย่างเท่าเทียมกันทุกชาติ โดยกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องแสดงเอกสารรับวัคซีน 2 เข็ม และมีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโรคโควิด-19
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ย้ำว่า โควิดจีนไม่ต่างจากประเทศอื่นพิจารณาจาก 4 ปัจจัย คือ 1 ) ยังเป็นโอมิครอนเหมือนเดิมไม่มีการกลายพันธุ์ 2) คนไทยมีภูมิคุ้มกันสูงแล้วทั้งการติดเชื้อและฉีดวัคซีน 3) ระบบการจัดการของ สธ.พร้อมทุกอย่าง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง 4) นักท่องเที่ยวมาไทยต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อน ซึ่งตรงกับมาตรฐานการจัดการขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ)
เมื่อ สธ.อ้างมาอย่างนี้ก็ต้องไปฟังดับเบิลยูเอชโอกันบ้าง เมื่อวันพุธ (4 ม.ค.) นายไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการแผนกฉุกเฉินแถลงข่าววิจารณ์จีนในเรื่องโควิดหลายประเด็น เริ่มต้นจากดับเบิลยูเอชโอยังไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์จากจีน รายงานจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จากจีนในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนผลกระทบที่แท้จริงของโรค ไม่ว่าจะเป็นการรักษาตัวในโรงพยาบาล การเข้าห้องไอซียู การเสียชีวิต เพราะจีนนิยามการเสียชีวิตเพราะโควิดไว้แคบมาก ต้องเกิดจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโควิดเท่านั้น
ส่วนอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงบอกว่า “เป็นโอกาสที่เราจะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจความสูญเสียต่างๆที่เราต้องหลับกันมาเป็นเวลาหลายปี เราถือว่าเราได้เปิดประเทศในความพร้อม การท่องเที่ยวถือเป็นรายได้ที่สำคัญอย่างมากสำหรับประเทศไทย เรายังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องอีกมากมายซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีในการพลิกฟื้นซ่อมแซมเสริมสร้างเพื่อให้โอกาสต่างๆทางเศรษฐกิจของประเทศกลับมา”
สิ่งที่รัฐมนตรีพูดก็ถูก ประเทศไทยเราพึ่งพาการท่องเที่ยวสูงมากและเรารอคอยการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน
แต่ใช่ว่าจะมีไทยประเทศเดียวเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียก็คาดว่าสุดสัปดาห์นี้หลังจีนเปิดประเทศ นักเดินทางจากจีนจะทะลักไปประเทศเขาเหมือนกัน
นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมบอกว่า ท่ามกลางความวิตกกังวลเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงในจีนรัฐบาลจะยกระดับการตรวจคัดกรองแต่จะไม่เลือกปฏิบัติกับประเทศใดประเทศหนึ่ง รัฐบาลตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่า ให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง จะเอาการท่องเที่ยวหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจมาทดแทนไม่ได้
ที่ยกตัวอย่างมาเลเซียเพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทย คาดหวังรายได้จากการท่องเที่ยวเหมือนๆ กัน แต่วิสัยทัศน์ของผู้นำต่อสถานการณ์นี้แตกต่างกัน นับจากวันที่ 8 ม.ค.นี้ นักเดินทางจากจีนเดินทางออกนอกประเทศมากขึ้นแน่ๆ จะว่าไปแล้วสิ่งที่ สธ.พูดก็ถูก คนไทยมีภูมิคุ้มกันโควิดมากแล้ว เพราะฉะนั้น ณ วินาทีนี้โควิดไม่ได้น่ากลัวสำหรับคนไทยอีกต่อไป ที่น่ากลัวกว่าน่าจะเป็นวิสัยทัศน์ผู้นำ วิสัยทัศน์ต่าง มองปัญหาต่าง แก้ปัญหาต่าง ผลลัพธ์ที่ตามมาก็ต่างกันด้วย Welcome to Thailand!