อคส.เจอ"วิบากกรรม"ภายใน ดึงองค์กรติดหล่มย่ำอยู่กับที่
“อคส” ติดหล่มกับดักภายใน ดึงองค์กรย่ำอยู่กับที่ ถึงเวลา คน อคส. จับมือ กู้ภาพลักษณ์ ดึงอคส. กลับมายืนบนเส้นทาง”รัฐวิสาหกิจ”ระดับแนวหน้าของประเทศ
องค์การคลังสินค้าหรืออคส.เป็นรัฐวิสาหกิจ ภายใต้สังกัดกระทรวงพาณิชย์ มีภารกิจ หลัก 2 ภารกิจ ได้แก่การบริหารจัดการโครงการของ รัฐ ตามนโยบายรัฐบาล และการดำเนินธุรกิจการค้า และธุรกิจโลจิสติกส์(เชิงพาณิชย์) เพื่อสนับสนุนการ แข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพของตลาด ซึ่งอคส.เป็นองค์กรที่สามารถหารายได้ให้กับองค์กรในหลายช่องทาง โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าที่มีอยู่
แต่ที่ผ่านมา อคส.กลับกลายเป็นแหล่ง”ทำเงิน”ของผู้ที่เข้ามาตักตวงผลประโยชน์ เกิดคดีทุจริตหลายคดี โดยเฉพาะคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รองนายกรัฐมนตรี ล่าสุดคดีทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางแสนล้านบาท ที่ซึ่งทั้ง 2 คดีสร้างความเสียหายให้รัฐมากมายมหาศาล
นอกเหนือจากคดีทุจริตแล้ว อคส.ยังมีปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กรทั้งตัวคณะกรรรมการอคส.หรือบอร์ดอคส. พนักงานอคส. ผู้อำนวยการอคส. โดยเฉพาะความไม่ลงรอยระหว่างบอร์ดอคส.นำโดยนายวิชัย โภชนกิจ ประธานบอร์ดและนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ทำให้การขับเคลื่อนงานของอคส.ไม่คืบหน้า บางโครงการที่เป็นโครงการในการสร้างรายได้ให้กับอคส.ต้องหยุดชะงักลง
ล่าสุดเกิดกรณีตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและวินัยร้ายแรง กับว่าที่ร้อยตรีพีรศักดิ์ เตชพิพิธมงคล นักบริหาร 9 อดีตผู้อำนวยการสำนักนิติการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) โดยว่าที่ร้อยตรีพีรศักดิ์ มองว่า เป็นผลมาจากการ รื้อฟื้นคดีทุจริตค้างเก่าของอคสจำนวนมาก ตั้งแต่โครงการรับจำนำข้าว โครงการปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุง (ข้าวถูกใจ) รวมถึงคดีทุจริตใหม่ อย่างโครงการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง โครงการจัดซื้อทุเรียน ข้าวโพด ฯลฯ ทำให้คนเสียประโยชน์ รวมหัวยื่นหนังสือร้องเรียน “ผอ.อคส.” ในความผิดส่วนตัว จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และวินัยร้ายแรง
ทั้งนี้ในช่วง 2-3 ปีต้องยอมรับว่า หลายคดีทุจริตได้สะสางในยุคของ”เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต” โดยเฉพาะการพบการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางแสนล้านบาทจนนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายคน ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้สรุปไต่สวนคดีดังกล่าวแล้วและเตรียมชี้มูลความผิดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว
นอกจากนี้ยังดำเนินการได้ระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลหมด ล็อตสุดท้ายเป็นข้าวนอกบัญชีปี 2548/49 และได้ฟ้องดำเนินคดีผู้กระทำการทุจริตแล้ว 1,179 คดี มูลค่าความเสียหาย 503,590 ล้านบาท ระบายมันสำปะหลังได้หมด และฟ้องดำเนินคดี 166 คดี ความเสียหาย 20,065 ล้านบาท ส่วนข้าวโพด ก็ระบายหมดทุกคลัง ฟ้องร้องดำเนินคดี 4 คดี ความเสียหาย 1,072 ล้านบาท และยังมีนโยบายสร้างรายได้ให้กับองค์กรอีกหลายโครงการ
“เป็นเรื่องที่แปลกอย่างมากทั้งที่ผมในฐานะผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าคนใหม่เข้ามาแก้ไขการทุจริตแต่กลับมีการสร้างแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกตลอดเวลา มีพยายามขัดขวาง ข่มขู่ ใส่ร้ายจากหลายคนในองค์กรแทนที่จะร่วมมือกัน” นายเกรียงศักดิ์ เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้
”คำพูด”ของผอ.อคส.เสียงสะท้อนภาพภายในองค์กรอคส.ได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากว่า ภายในยังปัดแข้งปัดขากันอยู่ เลือกข้างเป็นแดนสนธยา ยากที่จะเข้าถึง ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้บริหารในอคส.คงยากที่จะกู้ภาพลักษณ์ อคส. ได้ ทั้งที่อคส. ที่ควรพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ โดยเฉพาะการสร้างรายได้ให้กับองค์กร
แต่ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา อคส.ประสบภาวะขาดทุนมาเกือบ 10 ปี ล่าสุดปี 2565 อคส. ยังขาดทุนอยู่ประมาณ 120 ล้านบาท อีกทั้งอคส.ยังมีเรื่องของการทุจริต ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรติดลบ ปัจจุบันอคส.กำลังก้าวสู่ปีที่ 69 แต่อคส.ก็ยังคงย่ำอยู่ที่เดิม ถึงเวลาที่อคส.ควรจะก้าวผ่านเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจระดับแนวหน้าของประเทศได้เสียที