คลังลงพื้นที่ ‘เคลียร์ปม’ ส่งมอบท่อน้ำอีอีซี

คลังลงพื้นที่ ‘เคลียร์ปม’ ส่งมอบท่อน้ำอีอีซี

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังลงพื้นที่ จ.ระยอง-ชลบุรี สำรวจโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออกหรือท่อส่งน้ำอีอีซี ตรวจสอบความพร้อมในการส่งมอบพื้นที่ให้วงษ์สยามผู้รับสัมปทานรายใหม่

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สันติ พร้อมพัฒน์ ระบุ การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อร่วมตรวจสอบความพร้อมในการส่งมอบทรัพย์สิน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออกหรือท่อส่งน้ำอีอีซี ของ บมจ. บริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ อีสวอเตอร์ ผู้รับสัมปทานรายเดิม เพื่อกรมธนารักษ์จะดำเนินการส่งมอบต่อให้แก่ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้รับสัมปทานรายใหม่ หลังจากที่วงษ์สยามก่อสร้างชนะการประมูลโครงการท่อน้ำอีอีซี และกรมธนารักษ์ได้จัดให้มีการเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2565 แต่ขณะนี้การส่งมอบพื้นที่จากผู้รับสัมปทานรายเดิมยังไม่แล้วเสร็จ

อธิบดีกรมธนารักษ์ จำเริญ โพธิยอด ระบุ ปัจจุบันกรมธนารักษ์ได้เตรียมความพร้อมเพื่อการส่งมอบทรัพย์สินของรัฐในส่วนของโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล – หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ – แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) โดยกรมธนารักษ์ บริษัท East Water และบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ได้ร่วมกันดำเนินการสำรวจทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล – หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ – แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) รวมทั้งได้ประชุมหารือร่วมกับกรมชลประทาน กรณีการขอสนับสนุนการใช้น้ำจากแหล่งน้ำของกรมชลประทานในการดำเนินโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 และเพื่อรับทราบความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการส่งมอบทรัพย์สิน ผู้บริหารของกระทรวงการคลัง บริษัท East Water และบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด จึงได้ลงพื้นที่ร่วมกันในครั้งนี้

สำหรับโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี แบ่งเป็น  2 ส่วนคือ ท่อส่งน้ำที่ไม่มีสัญญา คือ โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และหนองค้อ-แหลมฉบัง ระยะที่ 2 ในส่วนนี้ อีสท์วอเตอร์ต้องส่งมอบพื้นที่ทันที ส่วนที่มีสัญญา คือ โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 31 ธ.ค.2566 ในส่วนนี้ จะต้องส่งมอบพื้นที่เมื่อสิ้นสุดสัญญา

ทั้งนี้ ทั้งสองโครงการกรมธนารักษ์ได้นำมาเปิดประมูลรวมกัน โดยได้ผู้ชนะประมูล คือ วงษ์สยาม ที่ให้ผลตอบแทนรัฐ 2.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1.ค่าแรกเข้าจำนวน 1.45 พันล้านบาท ชำระครั้งแรกในการเซ็นสัญญาจำนวน 580 ล้านบาท และเมื่อส่งมอบทรัพย์สินอีก 870 ล้านบาท 2.ผลประโยชน์ตอบแทนรายปีๆ ละ 2.9 พันล้านบาท และ 3.ส่วนแบ่งรายได้รายปีๆ ละ 2.13 หมื่นล้านบาท มีระยะสัญญา 30 ปี