โจรไซเบอร์ สวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่หลอกนักธุรกิจต่างชาติขโมยข้อมูลดูดเงิน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย โจรไซเบอร์ล้วงข้อมูลดูดเงิน นิติบุคคลต่างชาติก็โดนด้วย ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจในประเทศ ลั่น! ไม่เอาไว้แจ้งดำเนินคดีทุกราย พร้อมตั้งคณะทำงานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หนุนผู้เสียหายดำเนินคดีร่วมกันที่เอาชื่อเสียงกรมฯ ไปหากิน
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและผู้เสียหายว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมฯ ขอให้อัพเดทข้อมูลนิติบุคคล โดยใช้กลอุบายให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชันไลน์ที่เป็นบัญชีปลอมเพื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ บัตรประชาชน อีเมล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ และข้อมูลบัตรเครดิต เป็นต้น จากนั้นมิจฉาชีพจะเข้าระบบดูดเงินจากในบัญชีธนาคารของผู้เสียหายออกไป ซึ่งกรมฯ ได้ประกาศแจ้งเตือนอยู่เป็นระยะรวมถึงวิธีการป้องกันตัวเองเพื่อให้นิติบุคคลและประชาชนระมัดระวังตัว ไม่หลงเชื่อ และกรมฯ ไม่มีนโยบายที่จะติดต่อหรือทักหาประชาชนไปก่อน หรือให้อัพเดทข้อมูลผ่านระบบไลน์
ขณะนี้มีประชาชนผู้ประสบเหตุและผู้เสียหายได้ติดต่อมายังกรมฯ จำนวนเพิ่มขึ้นผ่านทางสายด่วน 1570 อีเมลล์ และช่องทาง Social Media ของกรมฯ เพื่อแจ้งถึงกรณีดังกล่าว มากไปกว่านั้นยังขยายความเดือดร้อนไปถึงนิติบุคคลต่างประเทศที่จดทะเบียนในประเทศไทย ซึ่งใช้กลอุบายหลอกลวงแบบเดียวกันแต่เป็นรูปแบบภาษาอังกฤษ ซึ่งการกระทำนี้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นอย่างมาก และอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติได้
นายทศพล กล่าวว่า กรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใดและได้ดำเนินการในเชิงรุก พร้อมแต่งตั้ง “คณะทำงานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมกรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ขึ้น เพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการหลอกลวงนี้ โดยได้รับแจ้งเรื่องประกอบกับให้ส่งหลักฐานที่มีสำหรับนำไปแจ้งตำรวจเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกับมิจฉาชีพทุกรายที่นำชื่อและตราสัญลักษณ์ของกรมฯ ที่เป็นหน่วยงานราชการไปหลอกประชาชน และขอแนะนำให้ผู้เสียหายควรไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะได้สกัดกั้นการกระทำลักษณะนี้ไม่ให้ขยายวงกว้าง รวมไปถึงกรมฯ ยังได้ส่งต่อหลักฐานให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับในภาคประชาชนและธุรกิจกรมฯ ขอย้ำเตือนว่าการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลในยุคนี้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง มิเช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อของโจรไซเบอร์โดยไม่รู้ตัว และการป้องกันตัวใน 4 รูปแบบยังคงมีความสำคัญคือ 1. ก่อนเข้าเว็บไซต์ต้องเช็คตัวสะกดของ URL ให้ดี 2. ไม่กดลิ้งค์/SMS/โหลดแอปพลิชันที่ไม่รู้จักหรือได้รับแชร์ 3. ไม่หลงเชื่อคำเชิญชวน และ 4. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หากมีข้อสงสัยและศึกษาข้อมูลอื่นๆ ติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วน 1570 เว็บไซต์ www.dbd.go.th และ FB: DBD Public Relations