ยูโรแข็งค่า ขานรับเศรษฐกิจยูโรโซนแข็งแกร่ง
ยูโรแข็งค่าเทียบดอลลาร์และปอนด์ในวันอังคาร(31ม.ค.) ขานรับการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากมีการขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3
ณ เวลา 22.37 น.ตามเวลาไทย ยูโรแข็งค่า 0.11% สู่ระดับ 1.086 ดอลลาร์ และดีดตัว 0.49% สู่ระดับ 0.882 ปอนด์
นายเปาโล เกนติโลนี ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการเศรษฐกิจยุโรป กล่าวว่า การขยายตัวในไตรมาส 4/2565 ถือเป็นข่าวดีของยูโรโซน โดยสามารถหลีกเลี่ยงภาวะหดตัวทางเศรษฐกิจ
"แม้ว่าเรายังคงเผชิญความท้าทายหลายอย่าง แต่แนวโน้มการคาดการณ์สำหรับปีนี้ก็ดีกว่าในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปีที่แล้ว" นายเกนติโลนีระบุในทวิตเตอร์
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซน ขยายตัว 0.1% ในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากมีการขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3
เมื่อเทียบรายปี เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 1.9% ในไตรมาส 4
เมื่อพิจารณาตลอดทั้งปี 2565 ยูโรโซนมีการขยายตัว 3.5% แม้เผชิญแรงกดดันจากเงินฟ้อ รวมทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน
นอกจากนี้ ยูโรยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมสัปดาห์นี้
ธนาคารกลางชั้นนำ 3 แห่งของโลกจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของปีนี้
ทั้งนี้ เฟดจะจัดการประชุมในวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมตรงกันในวันที่ 2 ก.พ.
เฟดจะประกาศผลการประชุมในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.ตามเวลาไทย ส่วน ECB และ BoE จะประกาศผลการประชุมในคืนวันเดียวกัน
นักวิเคราะห์และตลาดการเงินต่างคาดการณ์ว่า ECB และ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่เฟดจะปรับขึ้นเพียง 0.25%
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ของ ECB ในการประชุมรอบนี้ จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน
ก่อนหน้านี้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ค.2565 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 ก่อนที่จะปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนก.ย.และต.ค. และล่าสุดปรับขึ้น 0.50% ในเดือนธ.ค.
นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า ECB จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อกดดันให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมาย 2% ของ ECB
ด้านนายคลาส นอต และนายปีเตอร์ คาซิเมียร์ ซึ่งเป็นกรรมการ ECB กล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินทั้งในเดือนก.พ.และมี.ค.2566