'ทัวร์จีน' สัญญาณดี ทอท.ต่อยอด ทุ่ม 3.6 หมื่นล้านปั้นฮับ 'ดอนเมือง'

โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ออกมาปรับประมาณการณ์นักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเกิดที่คาดการณ์ไว้ จึงประเมินว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 7 – 8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน

การันต์ ธนกุลจีรพัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานดอนเมือง โดยระบุว่า ภาพรวมขณะนี้ผู้โดยสารเฉลี่ยราว 7 หมื่นคนต่อวัน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1.75 หมื่นคนต่อวัน และผู้โดยสารภายในประเทศ 5.25 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งถือเป็นการฟื้นตัวราว 60% หากเทียบกับช่วงปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีปริมาณผู้โดยสารราว 1.1 แสนคนต่อวัน

ขณะที่ปริมาณเที่ยวบินท่าอากาศยานดอนเมือง ข้อมูลล่าสุดในเดือน ก.พ.2566 มีเที่ยวบินจองสล็อตเฉลี่ย 450 เที่ยวต่อวัน หรือกลับมาฟื้นตัวราว 70% หากเทียบกับปี 2562 โดยแบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 130 เที่ยวต่อวัน และภายในประเทศ 320 เที่ยวต่อวัน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีสัดส่วนทำการบินของสายการบินสัญชาติไทยเส้นทางบินภายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่เส้นทางระหว่างประเทศที่มีการเดินทางสูงสุด ได้แก่ มาเลเซีย อินเดีย และอินโดนีเซีย

ส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นกลุ่มตลาดหลักใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นอันดับ 1 ในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด -19 ครองสัดส่วนการเดินทางราว 60% ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีสายการบินทำคำขอสล็อตการบินเข้ามาต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสายการบินสัญชาติจีนกลับมาเปิดให้บริการที่ฐานการบินดอนเมืองแล้ว 3 สายการบิน ครอบคลุม 20 จุดบิน ประกอบด้วย

• สายการบินจูนเหยา (Juneyao Airlines)
• สายการบินสปริงแอร์ไลน์ (Spring Airlines)
• สายการบินไนน์แอร์ (9 Air)

“ตอนนี้เรียกว่าผู้โดยสารในทุกตลาดกลับมาฟื้นตัวแล้ว ผู้โดยสารภายในประเทศตอนนี้แทบจะเทียบเท่าก่อนเกิดโควิด ส่วนผู้โดยสารระหว่างประเทศเราก็ได้ตลาดใหม่ๆ ที่เดินทางเข้ามา อาทิ อินเดีย ดังนั้นหากว่าตลาดจีนกลับมาเดินทางคึกคักภายในปีนี้ ก็คาดว่าภาพรวมของท่าอากาศยานดอนเมืองจะกลับมามีปริมาณผู้โดยสารเท่าสถานการณ์ปกติในปีหน้า”

การันต์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานดอนเมืองยังรอตลาดหลักอย่างจีนกลับมาเดินทางคึกคัก ซึ่งมั่นใจใจว่าจะเริ่มฟื้นตัวในปีนี้ ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าอนาคตสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอส์ต) จะกลับมาใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นฮับบินไปยังเส้นทางระหว่างประเทศระยะใกล้ในจุดบินราว 5 ชั่วโมงอย่างเกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองจะกลับมารองรับปริมาณผู้โดยสารในระดับใกล้ 40 ล้านคนต่อปีเหมือนที่ผ่านมา

กีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เผยว่า ท่าอากาศยานดอนเมืองเคยเป็นฐานการบินสำคัญที่รองรับนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ โดยล่าสุด ทอท.ได้ปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร Service Hall และเปิดใช้งานเมื่อวนที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อรองรับผู้โดยสารกรุ๊ปทัวร์โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ ทอท.ยังเร่งแผนขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเป็นการรองรับปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติราวปี 2567 โดย ทอท.เตรียมจัดสรรวงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 โดยจะมีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 3 ซึ่งเดิมเป็นอาคารในประเทศ และถูกปิดใช้งานมานาน โดยจะทุบรื้อสร้างเป็นอาคารระหว่างประเทศหลังใหม่ เพิ่มพื้นที่ใบริการ 1.66 แสนตารางเมตร

รวมไปถึงปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ให้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ, ก่อสร้างหลุมจอดอากาศยานด้านทิศเหนือ เพิ่มเติม 12 หลุมจอด, ปรับปรุงอาคารคลังสินค้าเดิม และปรับปรุงระบบจราจรเข้าออกท่าอากาศยานเชื่อมดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งโครงการเหล่านี้คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 ใช้เวลาประมาณ 3 ปี และสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณปี 2570 โดยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานดอนเมืองได้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 30-40 ล้านคนต่อปี เป็นประมาณ 50 ล้านคนต่อปี

สำหรับ โครงการท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ปัจจุบันผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดย ทอท.อยู่ระหว่างจ้างออกแบบรายละเอียด (Detail Design) จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 10 เดือนแล้วเสร็จ และสามารถเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. พิจารณาได้ในปลายปี 2566 หากเห็นชอบจะเข้าสู่ขั้นตอนการเปิดประมูลหาผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการต่อไป

สัญญาณที่ดีเกินคาดของทัวร์จีนที่มาเยือนไทยเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะต่อยอดศักยภาพท่าอากาศยานดอนเมืองให้เป็นศูนย์กลางการบินหรือฮับของภูมิภาคได้