NEX ลุยขยายฐาน ตั้งตัวแทนจำหน่าย ลุยเปิดโชว์รูมยานยนต์ไฟฟ้า 15 แห่ง

นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่า โอกาสทางการตลาดของยานยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในปี 2566 จึงได้เดินหน้าขยายช่องทางการจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ผ่านตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ล่าสุด NEX ได้เซ็นสัญญาลงนามแต่งตั้ง บริษัท ทีซี อินดัสเตรียล อิควิปเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TCIE บริษัทในเครือ ของกลุ่มบริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ระดับ 3S (Sales, Service, Spare parts) โดยมีโชว์รูมจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ศูนย์บริการหลังการขาย และอะไหล่ พร้อมทั้งมีสถานีอัดประจุไฟฟ้า

ทั้งนี้ TCIE เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ NEX  เพื่อจำหน่ายรถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ทั้งแบบ 6 ล้อ 10 ล้อ หัวลาก รถเหมือง EV และรถโดยสารไฟฟ้า EV โดยตั้งเป้าจำหน่ายในปี 2566 จำนวน 50 คัน และติดตั้งสถานีประจุไฟฟ้า DC 300 kW ที่สำนักงานใหญ่ในจังหวัดปทุมธานี นอกจากนี้ยังมีแผนจะขยายสถานีประจุไฟฟ้าไปยังจังหวัดนครสวรรค์ และเชียงใหม่ 

“ปีนี้นโยบายของ NEX คือการเตรียมความพร้อมในการขยายกำลังการผลิต และขยายบุคลากร เพื่อรองรับโอกาสความเติบโตที่กำลังจะเข้ามา สิ่งที่จะเร่งดำเนินการคือ การขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย โดยจะเปิดโชว์รูมจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ เบื้องต้น 15 แห่งทั่วประเทศ จากนั้นจะขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศหรือทุกจังหวัด เพื่อให้มีพาร์ทเนอร์เข้ามาช่วยทำการตลาด"

ในส่วนของตลาดต่างประเทศ NEX ได้รับเสียงตอบรับคึกคัก หลายประเทศตื่นตัวกับรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ อาทิ มาเลเซีย กัมพูชา ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่ง NEX มองเห็นว่าเป็นโอกาส เพราะยานยนต์ไฟฟ้าที่ประกอบในไทยส่งไปอาเซียนจะได้เปรียบเพราะไม่เสียภาษีนำเข้า ทำให้สินค้าของ NEX แข่งขันกับสินค้านำเข้าประเทศอื่นได้ เป็นการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบาย 30@30 ซึ่งไทยกำลังขับเคลื่อนเพื่อก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก

นอกจากนี้ NEX กำลังเตรียมเปิดตัวรถตู้ไฟฟ้า VIP และรถกระบะไฟฟ้า ในเดือนมีนาคมนี้ โดยรถตู้ไฟฟ้า VIP เหมาะสำหรับใช้เป็นรถผู้บริหาร หรือนำไปทำเป็นรถพยาบาล ขณะที่จุดเด่นของรถกระบะไฟฟ้า NEX มีการออกแบบให้เป็นจัมโบ้ปิกอัพ สามารถรองรับน้ำหนักการขนส่ง 2.5 ตัน โดยไม่ต้องไปเสริมช่วงล่างหรือดัดแปลง สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับรถน้ำมัน ทั้งนี้ตั้งเป้าว่าในส่วนของรถกระบะจะมีส่วนแบ่งการตลาดอย่างน้อย 1-2% หรือประมาณ 5,000-10,000 คันของยอดขายรถกระบะ ประมาณ 5 แสนคันต่อปี ทั้งนี้ NEX ตั้งเป้ารายได้ ปี 2566 ไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากแผนการดำเนินงานโดยเฉพาะการขยายช่องทางการขายผ่านทางตัวแทนจำหน่าย เชื่อว่ารายได้โตไม่ต่ำกว่าเป้า